แนวทางการพัฒนาการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและ อำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7

Main Article Content

จุฑารัตน์ แก้วกองมา
ธนาศักดิ์ ศิริปุณยนันท์

บทคัดย่อ

การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 และ 2) แนวทางการพัฒนาพัฒนาการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 วิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารสถานศึกษาและครู จำนวน 210 คน จากการเปิดตารางของเครจซี่และมอร์แกน โดยสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ และสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบบสอบถามมาตรประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งมีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยการหาค่า IOC มีค่าอยู่ระหว่าง 0.60 - 1.00 มีค่าอำนาจจำแนกเท่ากับ 0.75 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNImodified) และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า สภาพปัจจุบันของการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 โดยรวมอยู่ในระดับ “มาก” และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการกำหนดนโยบายและวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการวิจัยในชั้นเรียน ด้านให้ครูมีความรู้เกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน ด้านการสนับสนุนงบประมาณการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู ด้านการส่งเสริมความก้าวหน้าของครูที่ทำวิจัยในชั้นเรียน และด้านการให้ความยอมรับนับถือครูผู้ทำวิจัยในชั้นเรียน ตามลำดับ สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก 2 ด้าน และอยู่ในระดับมากที่สุด 4 ด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการกำหนดนโยบายและวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการให้ความยอมรับนับถือครูผู้ทำวิจัยในชั้นเรียน ความต้องการจำเป็นของการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 เรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านให้ครูมีความรู้เกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.179) ด้านการกำหนดนโยบายและวางแผนการวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.190) รองลงมาคือ ด้านการสนับสนุนงบประมาณการทำวิจัยในชั้นเรียนของครู (PNIModified = 0.184) ด้านการส่งเสริมความก้าวหน้าของครูที่ทำวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.183) ด้านการให้ความยอมรับนับถือครูผู้ทำวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.178) ด้านให้ครูมีความรู้เกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.172) และด้านการสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการวิจัยในชั้นเรียน (PNIModified = 0.168) ตามลำดับ แนวทางในการพัฒนาพัฒนาการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและอำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ประกอบด้วย 6 ด้าน 18 แนวทาง มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
แก้วกองมา จ. ., & ศิริปุณยนันท์ ธ. . (2025). แนวทางการพัฒนาการบริหารเพื่อส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียนของครู ในอำเภอเมืองยางและ อำเภอลำทะเมนชัย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7. วารสารวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, 15(2), 46–59. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/CAS/article/view/282819
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. ค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2567, จาก http://ver.vec.go.th/th-th/หน่วยงาน/กลุ่มวิจัยส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมอาชีวศึกษา.

จรูญ คูณมี. (2555). บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุบลราชธานี. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชธานี. อุบลราชธานี.

พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 125 ตอนที่ 43 ก (5 มีนาคม 2551) : 1-24.

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. (2553). กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา.

สุรพัชร เกตุรัตน์. (2561). การบริหารกิจการนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ราชบุรี. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.

Alshmemri, M., Shahwan-Akl, L., & Maude, P. (2017). Herzberg’s two-factor theory. Life Science Journal, 14(5); 12-16.

Becker, G. S. (1993). Nobel lecture: The economic way of looking at behavior. Journal of political economy, 101(3); 385-409.

Drucker, P. F. (1995). The information executives truly need. Harvard business review, 73(1); 54-62.

Fraser, B. J. (1998). Classroom environment instruments: Development, validity and applications. Learning environments research, 1, 7-34.

Fullan, M. (2002). Principals as leaders in a culture of change. Educational leadership, 59(8); 16-21.

Goldwyn, S. (2008). Educational administration: Theory, research, and practice. Journal of Educational Administration, 46(1); 123-127.

Ubaidillah, M. (2018). Innovation Leadership in improving the quality of Education. International Journal of Mechanical Engineering and Technology, 9(7); 1288-1299.