ขงจื๊อนิยมและอิทธิพลต่อสตรีในเกาหลีและเวียดนาม
Main Article Content
บทคัดย่อ
ประเทศเกาหลีและเวียดนามเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับอิทธิพลทางภาษาและวัฒนธรรมจากประเทศจีนที่เรียกว่า ประเทศในกลุ่มวัฒนธรรมอักษรจีน บทความนี้มุ่งนำเสนอขงจื๊อนิยมที่ส่งอิทธิพลในประเทศเกาหลีและเวียดนาม สำหรับประเทศเกาหลีขงจื๊อนิยมถูกนำมาใช้เป็นนโยบายหลักในการปกครองประเทศในยุคโชซอน (Choson) ในปี ค.ศ. 1392 และในยุคสมัยของราชวงศ์โครยอได้นำหลักขงจื๊อนิยมใหม่ (Neo-Confucianism) มาใช้ปกครองราชอาณาจักร ส่วนเวียดนามได้รับอิทธิพลทางด้านการเมืองการปกครองจากจีนซึ่งเป็นการรับมาตามแนวทางของขงจื๊อนิยม ในปี ค.ศ. 1460 จักรพรรดิแท้งตงแห่งราชวงศ์เลได้นำลัทธิขงจื๊อนิยมใหม่มาใช้เป็นอุดมการณ์หลักในการปกครองราชอาณาจักร บทความนี้นำเสนออิทธิพลของขงจื๊อนิยมที่มีต่อสตรีเกาหลีและเวียดนามโดยเทียบเคียงจากวรรณกรรมสอนหญิงตามแนวทางขงจื๊อเรื่อง เตือนหญิง โดยนักประพันธ์สตรีจีนนาม ปันเจา วรรณกรรมเกาหลีเรื่อง ชุนฮยังจอน และวรรณกรรมเวียดนามเรื่อง ทวี้ เกี่ยว จากการศึกษาพบว่าหลักขงจื๊อที่ส่งอิทธิพลต่อสตรีเกาหลีและเวียดนามคือ หลักความสัมพันธ์ 5 ประการ การรักษาพรหมจรรย์ และการซื่อสัตย์ต่อสามี ในเกาหลีก่อนการแต่งงานหญิงสาวจะถูกฝึกให้ชำนาญตามคุณลักษณะสตรีตามแบบขงจื๊อ 4 ประการคือ จริยธรรม วาจา ความประพฤติ และการเรือน เพื่อเตรียมพร้อมให้เธอเป็นแม่ผู้ปราดเปรื่องและภรรยาผู้แสนดีในอุดมคติขงจื๊อ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างบิดามารดา-บุตร, ผู้ปกครอง-ผู้รับใช้, สามี-ภรรยา จะถูกเรียกว่า สามพันธะ (three bonds) หรือ samgang ในภาษาเกาหลี ในกรณีของเวียดนามหลักความสัมพันธ์ 5 ประการที่กำหนดบทบาทของสตรีนั้นจะเรียกว่า ตามต่อง ส่วนการรักษาพรหมจรรย์จะเรียกว่า ตริญ ซึ่งหมายรวมถึงการซื่อสัตย์ต่อสามีไม่ว่าสามีจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ด้วย
Article Details
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
ทวี สว่างปัญญางกูร. (2545). กวีนิพนธ์ยาวเรื่องทวี้เกี่ยว. กรุงเทพมหานคร:
ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นุสรัต ระยะสวัสดิ์. (2547). ภาพลักษณ์สตรีเวียดนามใน ทวี้ เกี่ยว.
ปริญญานิพนธ์ อ.ม. (วรรณคดีเปรียบเทียบ). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย.
บรัช, เกรแฮม. (2530). สร้างชีวิตและสังคมตามหลักคำสอนขงจื๊อ. แปลโดย
ละเอียด ศิลาน้อย. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ดอกหญ้า.
รติรัตน์ กุญแจทอง และ กนกพร นุ่มทอง. (2559). เตือนหญิง: วรรณกรรมสอน
สตรีที่ประพันธ์ขึ้นภายใต้วัฒนธรรมขงจื๊อ. วารสารจีนศึกษา, 9(1), 50-72.
วรพร ภู่พงศ์พันธุ์. (2556). เวียดนามกับการรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน.
วารสารประชาคมวิจัย, 19(109), 25-28.
วีระชัย โชคมุกดา. (2555). ประวัติศาสตร์เกาหลี. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ยิปซี.
เสถียร โพธินันทะ. (2522). เมธีตะวันออก. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์บรรณาคาร.
อดุลย์ รัตนมั่นเกษม. (2548). เพศในวัฒนธรรม 4,000 ปี. กรุงเทพมหานคร:
สุขภาพใจ.
de Bary, William Theodore; Chaffee, John W., eds. (1989). Neo-confucian
Education: The Formative Stage. USA: University of California Press.
Haboush, J and Deuchler, M., eds. (1999). Culture and the State in
Late Chosôn Korea. Cambridge: Harvard University Asia Center.
Kang, Hildi. (2001). Under the Black Umbrella: Voices from Colonial
Korea, 1910-1945. Ithaca: Cornell University Press.
Kim, Yung-Hee. (1994). Women’s Issues in 1920s Korea. Korean Culture,
15(1), 59-161.
Kim-Renaud, Young-Key. (2004). Creative Women of Korea: The
Fifteenth through the Twentieth Centuries. NY: M.E.Sharpe.
Yang, K., & Henderson, G. (1958). An Outline History of Korean
Confucianism: Part I: The Early Period and Yi Factionalism. The
Journal of Asian Studies, 18(1), 81-101.
김수례, 임수진. (2014). 전래 동화로 배우는 한국어. 경기도: 다락원.