การเปรียบเทียบสิทธิส่วนบุคคลของสตรีด้านสิทธิในชีวิตและร่างกายตามกฎหมายล้านนาและกฎหมายจีน ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 – 17 Comparative Study of Right to Life and Bodily integrity of Female Under the Lan Na and Chinese Law During the 14th – 17th Centuries
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคล้ายและความแตกต่างกันในเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้านสิทธิในชีวิตและร่างกายของสตรีตามกฎหมายล้านนาและกฎหมายจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14–17 ผู้วิจัยได้คัดเลือกกฎหมายล้านนาที่ปริวรรตแล้วจาก “กฎหมายล้านนาโบราณ: วิเคราะห์ระบบโครงสร้างและเนื้อหาบทบัญญัติที่จารในใบลาน ภาคงานการวิจัยที่ 3” เล่มที่ 1–8 และกฎหมายจีนราชวงศ์หมิงจำนวน 1 เล่ม ซึ่งเป็นต้าหมิงลี่ว์ (Da Ming Lü大明律 怀效锋点校) มาศึกษา ผู้วิจัยได้สรุปลักษณะของกฎหมายล้านนาและกฎหมายจีนราชวงศ์หมิง และเลือกบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ทั้งสิ้น 4 ประเด็น ประเด็นได้แก่ 1. สิทธิในการเลือกคู่ 2. สิทธิของชีวิตและร่างกายในกรณีการลักพาผู้หญิง 3. สิทธิของชีวิตและร่างกายในกรณีการกระทำชู้ 4. สิทธิของชีวิตและร่างกายในกรณีการข่มขืน ผลการศึกษา พบว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีความคล้ายกัน คือ ในกรณีการลักพาการข่มขืน กฎหมายค่อนข้างปกป้องฝ่ายหญิงที่เป็นผู้เสียหาย แต่ในกรณีการกระทำชู้ กฎหมายตัดสินฝ่ายสามีเป็นผู้เสียหาย สามีฆ่าภรรยาที่มีชู้และชายชู้ไม่ผิดกฎหมาย และสามารถขายหรือสั่งให้ภรรยาแต่งงานใหม่ นอกจากนี้ ทั้งกฎหมายล้านนาและกฎหมายจีนราชวงศ์หมิงได้สะท้อนชนชั้นของสังคม เนื่องจากการตัดสินความและการลงโทษยังขึ้นอยู่กับชนชั้นผู้กระทำและสตรีที่เป็นผู้เสียหาย ส่วนความแตกต่างคือ วิธีการลงโทษ อาทิ วิธีการลงโทษของกฎหมายจีนต้าหมิงลี่ว์มีระดับการลงโทษจากเบาถึงการลงโทษหนัก 5 ระดับ ซึ่งเรียกว่า (wuxing 五刑) ได้แก่ การเฆี่ยน การโบย การเกณฑ์แรงงาน การเนรเทศการประหารชีวิต ส่วนกฎหมายล้านนาส่วนใหญ่ลงโทษด้วยการเสียค่าปรับ บางกรณีลงโทษโดยประหารชีวิต เช่น ผู้กระทำที่เป็นข้า (ทาส) ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงที่ฐานะสูง อีกทั้งยังมีความแตกต่างคือ สตรีล้านนามีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกคู่ แต่สตรีจีนในราชวงศ์หมิงส่วนมากไม่สามารถเลือกคู่ครองเอง ทำตามการจัดการของผู้ใหญ่เป็นหลัก ซึ่งสะท้อนจารีตประเพณีที่แตกต่างกันระหว่างสองอาณาจักร
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ผลงานทางวิชาการที่ลงตีพิมพ์ในวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหรือผู้แปลผลงานนั้น หากนำลงในวารสารจีนศึกษาเป็นครั้งแรก เจ้าของผลงานสามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารหรือหนังสืออื่นได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า แต่หากผลงานที่ได้รับพิจารณานำลงในวารสารจีนศึกษา เป็นผลงานที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาก่อนเจ้าของผลงานต้องจัดการเรื่องปัญหาลิขสิทธิ์กับแหล่งพิมพ์แรกเอง หากเกิดปัญหาทางกฎหมาย ถือว่าไม่อยู่ในความรับผิดชอบของวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งนี้ ความคิดเห็นต่างๆ ในบทความเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวกับกองบรรณาธิการวารสารจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เอกสารอ้างอิง
กนกพร นุ่มทอง. (2020). หลักฐานล้านนาในเอกสารโบราณจีน: บันทึกเกี่ยวกับอาณาจักรสนมแปดร้อยในพงศาวดารหมาน พงศาวดารราชวงศ์หยวน พงศาวดารราชวงศ์หยวนฉบับใหม่และเจาปู๋จ่งลู่.วารสารจีนศึกษา, 13(1), 157-227.
กนกพร นุ่มทอง. (2020). หลักฐานล้านนาในเอกสารโบราณจีน: บันทึกเกี่ยวกับอาณาจักรสนมแปดร้อยในเอกสารโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง. วารสารจีนศึกษา, 13(2), 1-112.
ชายไทย รักษาชาติ. (2004). การเปรียบเทียบความสัมพันธ์เชิงอำนาจหญิงชายในกฎหมายมังราย ศาสตร์กับกฎหมายไทยในมุมมองแนวสตรีนิยม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ทูนศรี บัวนุช. (1992). การศึกษาความหมายในกฎหมายจารีตมังรายศาสตร์. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาและวรรณกรรมล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เฝิง โจวปี้. (2020). ความสัมพันธ์ในระบบบรรณาการระหว่างจีนและล้านนาในสมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 –16. วารสารจีนศึกษา, 13(2), 232-250
พรรณรายรัตน์ ศรีไชยรัตน์. (1999). Feminist Legal Theory. ดุลพาห.นิตยสารกระทรวงยุติธรรม, ปีที่ 4, (กรกฎาคม-ธันวาคม), เล่ม 2, 91-115.
พระมหาวรเชษฐ์ อุ่นเรือน. (2019). สิทธิของไพร่ในกฎหมายมังรายศาสตร์.การค้นคว้าอิสระศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาล้านนาศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พิธินัย ไชยแสงสุขกุล และ อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว. (1989). กฎหมายล้านนาโบราณ: วิเคราะห์รโครงสร้างและเนื้อหาบทบัญญัติที่จารในใบลาน ภาคงานการวิจัยที่ 3 เล่มที่ 1-8.กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มาลี พฤกษ์พงศาวลี. (2009). ย้อนรอยสิทธิความเป็นคนของหญิง. กรุงเทพฯ: สํานักงานคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติและโครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มาลี พฤกษ์พงศาวลี. (2009). สิทธิความเป็นคนของผู้หญิง: พันธกรณีระหว่างประเทศ กฎหมาย และข้อถูกเถียง. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและโครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ประเสริฐ ณ นคร. (1971). (เรียบเรียงเป็นภาษาไทยปัจจุบัน). มังรายศาสตร์. พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงโหตรกิตยานุพัทธ์ (อาสา โหตระกิตย์). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เลี่ยงเชียงใหม่จงเจริญ
ลำพรรณ น่วมบุญลือ. (1976). สิทธิและหน้าที่ของสตรีตามกฎหมายไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์บัณฑิต แผนกวิชาประวัติศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิระดา สมสวัสดิ์. (2000). ผู้หญิงกับกฎหมาย.เอกสารประกอบการเรียนการสอนรายวิชา "Feminist Legal Study”. เชียงใหม่: หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาสตรีศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วิระดา สมสวัสดิ์. (2006). นิติศาสตร์แนวสตรีนิยม. เชียงใหม่: วนิดาเพรส
อัจฉราภรณ์ จันทร์สว่าง. (2005). การศึกษาสถานภาพสตรีในกฎหมายล้านนาโบราณ.วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาภาษาและวรรณกรรมล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อภิชัย น้อยอุ่นแสน. (2000). สถานภาพทางกฎหมายของสตรีในสังคมล้านนา พ.ศ. 1839-2442 ศึกษากรณีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา. วิทยานิพนธ์หลักสูตร
นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อศิศร ศักดิ์สูง. (2007). ผู้หญิงในกฎหมายมังรายศาสตร์.วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ, ปีที่ 2, ฉบับที่ 1, 72-98.
陈宝良. (2009) . 明代妇女的家庭角色及其地位. 福建论坛:人文社会科学版, 83-89.
李萌生. (2016) . 明代法制下妻子的地位研究 . 法制与社会, 9-10.
怀效锋点校.大明律. (1999) . 北京:法律出版社.
苗延波编著. (2014) .中国法制史. 北京:知识产权出版社.
明官修. (1941). 明实录. 江苏国学图书馆藏抄本.
宋濂等撰. (1962). 元史. 北京:中华书局.
王明霞. (1992) . 从明律看封建家庭的夫妻关系 . 松辽学刊:社会版, 74-77.
曾宪义等. (2020) . 中国法律史 (第六版). 北京:中国人民大学出版社.
张燕婴译注. (2004) . 论语. 北京:中华书局.
张志超. (2013) . 明代妇女财产权的处分.西南大学学报 :社会科学版, 118-127.
赵崔莉. (2004) . 明代妇女的法律地位. 安徽大学学报:人文社会科学版, 106-111.
赵崔莉. (2004) . 明代妇女的二元性及其社会地位. 辽宁大学. 学报: 哲学社会科学版, (9), 82-85.
佚名. (1999) . 大明令载《大明律》. 北京:法律出版社.