การแก้ปัญหาเชิงประดิษฐกรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
การแก้ปัญหา เป็นกิจกรรมในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยธรรมชาติแล้วคนเรามักจะแก้ปัญหาโดยอาศัยประสบการณ์และความถนัดของตนเป็นหลัก แต่เมื่อเจอปัญหารูปแบบใหม่ก็มักจัดการกับปัญหานั้นๆ ไม่ได้ และจะยังคงมีปัญหาเดิมๆ นั้นกลับเข้ามาอีก TRIZ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้นักประดิษฐ์ประหยัดเวลาในการแก้ปัญหาที่มีผู้คิดค้นหรือเคยประสบมาก่อนแล้ว เป็นหลักในการคิดค้นและออกแบบประดิษฐกรรมสำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่พบในทางอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความเป็นอุดมคติ (Ideality) และลดการใช้ทรัพยากร (Resources) ซึ่งมีข้อจำกัดของความขัดแย้ง (Contradiction) ของตัวแปรต่างๆ โดย TRIZ มีแนวคิดพื้นฐานที่ใช้ ระดับขั้นของนวัตกรรม (Levels of Innovation) 5 ระดับ แต่โดยทั่วไป สิ่งประดิษฐ์กว่า 77% ของสิทธิบัตร จัดอยู่ในระดับนวัตกรรมที่ 1 และ 2 เท่านั้น TRIZ จะช่วยให้นักประดิษฐ์ยกระดับการแก้ปัญหาเชิงประดิษฐกรรมให้ขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 3 และ 4 ได้ การแก้ปัญหาโดยการใช้ TRIZ เริ่มจากการค้นหาหรือระบุปัญหา จากนั้นจึงระบุตัวแปรหรือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น แล้วจึงใช้หลักการพื้นฐานของ TRIZ แก้ไขปัญหานั้น
Problem solving is an activity to deal with problems in systematic way. In general, people tend to solve problems based on their experience and expertise. But when a new problem occurs, they usually can not manage it, and there will always be the same problem back again. TRIZ (Altshuller, 1946) is tool that allows inventors time to solve problems that have developed or experienced before. It is a methodology for solving inventive problems that contained one or several contradictions to increase ideality and reduce resource use. Based on the concept of Levels of innovation, more than 77% of inventions were classified into level 1 and 2. TRIZ allow inventors to enhance inventive solutions to level 3 and 4. To solve problem using TRIZ, first, search or identify the problem, identify contradictions, and using TRIZ principles as the solutions.
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร