พฤติกรรมและการใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าว ผ่านสื่อของเยาวชนไทยในเขตกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสาร การใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าวสาร และเปรียบเทียบปัจจัยความแตกต่างระหว่างบุคคล กับการใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าวสารของเยาวชนไทยในเขตกรุงเทพมหานคร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ผลวิจัย พบว่า เยาวชนไทยที่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร มีพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารผ่านเว็บสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook Twitter มากที่สุด ระยะในการเปิดรับคือมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน มีการใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าวสาร เพื่อรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุดและผลการเปรียบเทียบปัจจัยความแตกต่างระหว่างบุคคล กับการใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าวสารของเยาวชนไทยในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า เยาวชนไทยที่มีเพศ มีที่พักอาศัยร่วมกับบุคคลอื่น และเลือกรับข่าวสารผ่านช่องทางที่แตกต่างกัน มีการใช้ประโยชน์จากการติดตามข่าวสารไม่แตกต่างกัน
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารอ้างอิง
กนกกาญจน์ ประจงแสงศรี และไอลดา ฟอลเล็ต. (2557). พฤติกรรมการเสพสื่อทีวีที่เปลี่ยนไป. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2558, จาก http://www2.thaipbs.or.th/aipm/?p=107
กานต์ กลมสอาด. (2553). การเปิดรับข่าวสารและความคิดเห็นของผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีต่อการประชาสัมพันธ์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. การค้นคว้าอิสระ บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
ขวัญเรือน กิติวัฒน์. (2531). แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับพฤติกรรมการสื่อสาร. ใน เอกสารประกอบการสอนวิชาพลศาสตร์ของการสื่อสาร. (หน่วยที่ 2). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
พงษ์ วิเศษสังข์. (2555). องค์ความรู้ทางการสื่อสาร. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนสามลดา จำกัด.
พิเชศ รุ่งสว่าง. (2542). พฤติกรรมการรับข่าวสารจากสื่อมวลชนของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนประจำจังหวัดในจังหวัดกาญจนบุรี. วิทยานิพนธ์ วารสารศาสตรมหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์ และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ภัสวลี นิติเกษตรสุนทร. (2548). แนวคิดหลักด้านการสื่อสาร. ใน ประมวลสาระชุดวิชา ปรัชญานิเทศศาสตร์และทฤษฎีการสื่อสาร (หน่วยที่ 3, น.116-177). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สมาคมวิทยุและสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน. (2557). ผลวิจัยชี้วัยรุ่นไทยมากกว่าครึ่งอ่านข่าวออนไลน์ทุกวัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2558, จาก http://www.kidsradioclub.or.th/article/treatise/1241
สำนักส่งเสริมและพิทักษ์เยาวชน. (2558). กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิเยาวชน. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 สิหาคม 2558, จาก http://oppy.opp.go.th/about/11.html
สุธี พลพงษ์, บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ และประภาส นวลเนตร. (2550). ชุดความรู้นิเทศศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: โครงการตำรา คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลกรณ์มหาวิทยาลัย.
เสถียร เชยประทับ. (2526). สื่อมวลชนและการพัฒนาประเทศ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
DeFleur, Melvin. (1996). Theories of Mass Communication. New York: A Liberal art Perspective, Boston: Houghton Mifflin.
Foster, J. (2002). Effective writing skills for public relations. (2nd ed.). London: Kogan Page.
Hicks, W., Holmes, T., Gilbert, H., & Adams, S. (2008). Writing for journalists. London: Routledge.
Katz, E., Blumler, J.G. (1974). The used of mass communication: Current perspective on gratifications research. Beverly Hills, CA: Sage Publication.
Klapper, J.T. (1960). The Effects of Mass Communication. New York: Praeger.
McCombs, M.E. and Becker, L.E. (1979). Using Mass Communication Theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Smith, J. (1995). The new publicity kits. U.S.A.: John Wiley & Sons.