การพัฒนาแบบจำลองสมการเชิงโครงสร้างเพื่อการบริหารจัดการ เทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนคาทอลิกในเครืออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เขต 4
Main Article Content
Abstract
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการบริหารจัดการเทคโนโลยี
สารสนเทศในโรงเรียนคาทอลิก ใช้วิธีการสำรวจโดยแบบสอบถามเก็บข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรครู
ในโรงเรียนคาทอลิกในเครืออัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เขต 4 จำนวน 400 ตัวอย่าง โดยเน้น 4 ด้าน คือ
ด้านการบริหารจัดการ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการพัฒนาวิชาชีพครูและด้านการเรียนการสอน สถิติที่ใช้
คือการวิเคราะห์สมการเชิงโครงสร้าง ข้อมูลกลุ่มตัวอย่างและทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากการศึกษา
ตัวชี้วัดได้จำนวน 24 รายการ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน เมื่อนำมาวิเคราะห์ปัจจัยและทำการสกัดปัจจัย
เพื่อหาความสัมพันธ์ได้ ปัจจัย 3 ด้าน ได้แก่ ปัจจัยด้านการเรียนการสอน ปัจจัยด้านการบริหารจัดการ
ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และตัวชี้วัด 14 รายการ ได้แก่ ผู้สอนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในโรงเรียน การพัฒนาผู้สอนให้รู้จักการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ การพัฒนาผู้สอนให้สามารถ
ใช้ข้อมูลสารสนเทศจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้ข้อมูลสารสนเทศในการเรียน
การประเมินผลการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาระบบงานคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนา
ครูและบุคลากร การจัดประชุมคณะกรรมการบริหารงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การสำรวจความต้องการ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง การประเมินผลการปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศ การบริหารจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ เครื่องคอมพิวเตอร์
มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อผู้ใช้งาน การจัดหาซอฟต์แวร์อย่างเพียงพอต่อการบริหารจัดการโรงเรียน
ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย และระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานในโรงเรียน
มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนคาทอลิกและ
จากการวิจัยพบว่า ค่าความผิดพลาดเชิงสัมพันธ์ของสมการเชิงโครงสร้างที่มีผลต่อการบริหารจัดการเทคโนโลยี
สารสนเทศในโรงเรียนคาทอลิกมีค่าเท่ากับร้อยละ 3.98
The objectives of this research are to study and to analyze factors to the decision on
information technology management in catholic schools, using surveying method by collecting
questionnaire. The samples are 400 teachers in catholic schools Under the Archdiocese of Bangkok Area 4
emphasizing on 4 aspects as follow, management, basic structure, teaching professional development,
and teaching and learning. The statistic analyze by using structural equation modeling with theory
and related research. The result shows 24 factors divided into 4 groups, analyzing and removing
some non-related factors. Therefore 3 groups are learning, management, Infrastructure and 14
factors are remained as follow; teachers are able to access the information technology in school
usefully, improving teachers to use the information technology to develop their teaching materials,
improving teachers to be able to access the information technology through internet, encouraging
students to use the information technology for their study, assessment of teaching and learning by
using the information technology, development of computer system to improve teachers and staffs,
organizing a conference of the executive committee of information technology department, surveying
the need of using information technology of the teachers, students, and parents, assessment of
performance of information technology, management to the quantity of computers in need,
quality of computers concerning to the users, providing software in school managing sufficiently,
computer assisted instruction systems are efficient and up-to-date, and internet access in school
is efficient. These factors are affected to the management of information technology in the catholic
school. In conclusion, the factors show the error on relation of structural equation modeling
affected to the information technology in the catholic schools is equaled to 3.98%.
Article Details
1. Any views and comments in the FEU Academic Review Journal are the authors’ views. The editorial staff have not to agree with those views and it is not considered as the editorial’s responsibility.
2. The responsibility of content and draft check of each article belongs to each author. In case, there is any lawsuit about copyright infringement. It is considered as the authors’ sole responsibility.
3. The article copyright belonging to the authors and the Far Eastern University are copyrighted legally. Republication must be received direct permission from the authors and the Far Eastern University in written form.