โมเดลสมการโครงสร้างปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษา ของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำสำคัญ:
โมเดลสมการโครงสร้าง, องค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาและระดับการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษา 2) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลความสัมพันธ์โครงสร้างปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาที่พัฒนาขึ้นกับข้อมูลเชิงประจักษ์ และ 3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างการวิจัย คือ ผู้บริหารและครูผู้สอนโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 910 คน จากวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 0.8982 และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยาย และสถิติอ้างอิง
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรนวัตกรรมการศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษา คือ ด้านนิสัยนวัตกรรม ด้านบรรยากาศนวัตกรรม ด้านการบริหารทรัพยากร และด้านภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม ตามลำดับ 2) ผลการตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนโมเดลสมการโครงสร้างที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ตามเกณฑ์คือ 2=105.83, df=90, P-value=0.12, /df = 0.18, GFI = 0.99, AGFI = 0.97, CFI = 1.00, RMSEA = 0.01, SRMR = 0.00, NFI = 0.99,และ NNFI = 0.99 การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาได้รับอิทธิพลรวมจากภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม นิสัยนวัตกรรม การบริหารทรัพยากรและด้านบรรยากาศนวัตกรรมตามลำดับ โดยร่วมกันอธิบายการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาร้อยละ 74 และ 3) แนวทางการพัฒนาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษาใช้การบูรณาการระหว่างหลักการและวิธีปฏิบัติ
เอกสารอ้างอิง
พรชัย กำหอม. (2560). โมเดลสมการโครงสร้างปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเป็นโรงเรียนแห่งนวัตกรรมของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด.
พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562. (2562, 30 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136 ตอนที่ 56 ก. หน้า 102-120.
ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2562- 2580). (2561, 13 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนที่ 82 ก. หน้า 1.
สจีวรรณ ทรรพวสุ และ สุทธิพงศ์ บุญผดุง. (2566). การบริหารสถานศึกษาสู่การเป็นองค์การนวัตกรรมในการจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมคุณลักษณะผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมของผู้เรียน ยุคการศึกษาประเทศไทย 4.0. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ, 17(1), 1-14.
องค์อร ประจันเขตต์. (2557). องค์กรแห่งนวัตกรรมการศึกษา ทางเลือกใหม่ของการบริหารการศึกษา. วารสารพยาบาลทหารบก วิทยาลัยพยาบาลทหารบก, 15(1), 45-51.
Edwards - Schachter, M. (2018). The nature and variety of innovation. International Journal of Innovation Studies, 2(2), 1-15.
O’loghlin, J. (2016). Innovation Is a State of Mind. Singapore PTE. LED: John Wiley & Sons.
Quinn, R. & Spreitzer, G. (1991). The Psychometrics of the Competing Values Culture Instrument and an Analysis of the Impact of Organizational Culture on Quality of Life. In: Woodman, R.W. and Pasmore, W.A., Eds., Research in organizational change and development, 5(1), 115-142.
Ralph, W. (2006). The Steps of Curriculum Development. Retrieved May 23, 2023, from https://www.scribd.com/doc/117077365/Ralph-Tyler-Curriculum
Tidd, J. and others. (2006). Managing Innovation. West Sussex: John Wiley & Sons.
Von, S. B. (2008). Managing Innovation, Design and Creativity. Retrieved May 23, 2023, from https://www.amazon.co.uk/Managing-Innovation-DesignCreativityBettina/dp/0470510668
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารการวิจัยการบริหารการพัฒนา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
