การวิเคราะห์การตั้งถิ่นฐานและการมีตัวตนของชาติพันธ์มลายูรัฐปัตตานีในประวัติศาสตร์

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการตั้งถิ่นฐานและการมีตัวตนของชาติพันธ์มลายูบนอาณาเขตของรัฐปัตตานีในอดีต โดยใช้หลักเกณฑ์ในการเก็บข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและได้ทำการศึกษาเนื้อหาต่าง ๆ พร้อมตั้งหัวข้อย่อย หลังจากนั้นทำการวิเคราะห์ และนำเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบรายงานเชิงพรรณนาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

ผลการศึกษาพบว่า

1) ประวัติศาสตร์รัฐปัตตานีเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชนชาติมลายูในพื้นที่ ดังนี้  (1) มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการกำเนิดดินแดนแถบคาบสมุทรมลายูมีความเป็นมาตั้งแต่ 1000 ปี ในสมัยสุโขทัย เนื่องจากมีการขุดค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีแถบเมืองปัตตานีว่ามีการตั้งรกรากของผู้คนตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 1000 หรือ 1100 มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองปาเล็มบัน  (2) มีข้อขัดแย้งกันของกลุ่มที่เชื่อว่าศูนย์กลางของศรีวิชัยอยู่บนคาบสมุทรบริเวณอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี (3) มีการเสนอหลักฐานและความคิดเห็น โดยเชื่อว่า ศรีวิชัยมิได้มีศูนย์กลางที่แน่นอนและถาวร แต่จะเปลี่ยนแปลงไปตามความเข้มแข็งของผู้นำของแต่ละท้องถิ่นที่สามารถควบคุมอำนาจทางการเมืองและการค้า ดังนั้นทำกลุ่มเหล่านี้เชื่อว่า ศูนย์กลางของศรีวิชัยอาจจะอยู่ทั้งที่บริเวณหมู่เกาะหรือบนคาบสมุทรมลายูมีการสับเปลี่ยนโดยตลอด  

2) ตัวตนของชนชาติมลายูมุสลิมในพื้นที่ สรุปดังนี้ (1) มีการถกเถียงข้อค้นพบทางประวัติศาสตร์ว่า ความเป็นมาของชาติพันธ์มลายูบนคาบสมุทรมลายูซึ่งย้อนถึงประวัติศาสตร์ว่า รัฐปัตตานีในศรีวิชัยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 1000 หรือ 1100 หรือความเป็นมาของรัฐมลายูมีตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในสมัยรัฐปัตตานียังเป็นรัฐลังกาสุกะ เนื่องจากศรีวิชัยเพิ่งจะมีอำนาจราวคริสต์ศตวรรษที่ 10 (2) การมีตัวตนของชนชาติพันธ์มลายูโดยใช้หลักการทางดาราศาสตร์ฟิสิกส์ ตรวจหาวันที่จากเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ ที่อ้างอิงถึงในตำนานท้องถิ่นเกี่ยวกับการสถาปนาอาณาจักรคือหลังเสร็จสิ้นสงครามแย่งช้าง ต่อมาได้เกิดสุริยคราส แหวน เพชร ขึ้นในท้องที่ดังกล่าว หลังจากนั้นอีก 7 วัน มหาราชทั้งสอง ได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกที่เขาสุวรรณบรรพต แล้วขึ้นครองราชสมบัติ สถาปนาอาณาจักรศรีโพธิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1369

3) ความเข้าใจของการมีอยู่ของชาติพันธ์มลายู ดังนี้ (1) ทัศนะของนักนิรุกติศาสตร์ คำว่ามลายูเชื่อมาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง ภูเขาหรือ เนินสูง (2) ทัศนะนักมานุษยวิทยาเชื้อว่า ชาวมลายูโดยทางกายภาพเป็นผู้ที่สีผิวเปลือกละมุดสุก ร่างกายใหญ่พอประมาณ แข็งแรง มีนิสัยนุ่มนวล และมลายูในทัศนะของนักชาติพันธ์วิทยา คือ กลุ่มชนที่มีระบบสังคมอยู่บนความเชื่อหรือศาสนา และเป็นกลุ่มชนที่อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์มองโกลอยด์ 

4) พัฒนาการการเคลื่อนไหวเพื่อคงอยู่ของชาติพันธ์มลายูมุสลิมในพื้นที่ คือ (1) มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิธีการดำรงชีวิตของชาวมลายูสอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ (2) การเปลี่ยนแปลงศาสนาตลอดช่วงสมัยสุดท้ายชาวมลายูในพื้นที่เปลี่ยนเป็นรัฐมลายูอิสลามอย่างสมบูรณ์ (3) การแย่งชิงอำนาจทางธุรกิจการค้าและความสัมพันธ์กับโลกภายนอกกับรัฐสยาม จนในที่สุดด้วยกระบวนการตกลงสนธิสัญญาอังคโลสยามทำให้รัฐมลายูปัตตานีตกเป็นเมืองขึ้นของรัฐสยาม ตลอดจนมีความกดขี่ขมเหมจนเกิดองค์กรเพื่อเรียกร้องสิทธิและบารมีในรูปแบบต่าง ๆ และ (4) ประมาณปี พ.ศ 2550 มีเปลี่ยนแนวคิดการเรียกร้องในรูปแบบสันติภาพและเจรจา