การพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมเพื่อความยั่งยืนในเคนย่า

Main Article Content

กองบรรณาธิการวารสารวิชาการ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 3

บทคัดย่อ

การปริทัศน์บทความนี้เป็นการปริทัศน์งานวิจัยของ  Anudo จาก  Kabianga University  และ Orwa จาก  United State International University – Africa  เรื่อง  การพัฒนาการจัดการ ศึกษาเทคนิค  อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมเพื่อความยั่งยืนในเคนย่า  (Improving Technical and Vocational Education and Training in Kenya for Sustainable Development)  ตีพิมพ์เมื่อ  ค.ศ.  2020  ใน  African Journals Online  เป็นบทความที่ใช้สำนวนการเขียนงานวิจัยที่อ่านง่าย  มีการนำเสนอข้อมูลตามลำดับขั้นตอนไว้อย่างเหมาะสม  นำเสนอผลการศึกษาให้เห็นเป็นข้ออย่างชัดเจน  ครอบคลุมประเด็นการวิจัย  ซึ่งผู้ปริทัศน์มีความเห็นโดยแยกเป็นประเด็นต่าง ๆ  ดังนี้


  1. หัวข้องานวิจัย  งานวิจัยนี้มีความน่าสนใจ  มีความทันสมัยตรงที่หยิบประเด็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนาการศึกษาด้านอาชีวศึกษา  เนื่องจากเหตุผลสำคัญคือ การจัดการศึกษาอาชีวศึกษายังขาดการให้ความสำคัญในเชิงนโยบาย  เมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาด้านอื่น ๆ  เช่น  การศึกษาขั้นพื้นฐาน  หรือการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้ง ๆ  ที่คุณภาพหรือทักษะของแรงงานเป็นเรื่องจำเป็นต่อภาคการผลิตของประเทศ  ดังนั้น เมื่องานวิจัยนี้ได้มุ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและความสนใจในการพัฒนาการจัดการศึกษาด้านเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมด้านวิชาชีพ  จึงเป็นเรื่องน่าสนับสนุน  และเมื่อพิจารณาการพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมในเคนยา  ยังประสบปัญหาและมีอุปสรรคอยู่หลายประการด้วยกัน  ผู้ปริทัศน์จึงเห็นว่างานวิจัยนี้มีความสำคัญในแง่ของข้อมูลสนับสนุนที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาของเคนย่า  และอาจนำไปใช้เป็นแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาอาชีวศึกษาในประเทศอื่น ๆ  เพื่อสร้างคุณภาพและพัฒนาทักษะในการทำงานของผู้เรียนให้มีความยั่งยืนอันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

  2. แหล่งข้อมูลการศึกษา วิจัยฉบับนี้มีแหล่งข้อมูลในการศึกษาที่มีความหลากหลาย  เป็นส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำการวิจัย  นับตั้งแต่แนวคิดด้านการพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา  ทฤษฎีการเรียนรู้  เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง  สำหรับแหล่งข้อมูลในการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา  ได้แสดงบทความสัมภาษณ์ประกอบในงานวิจัย  ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่มีความตรง ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์เนื้อหาจากบทสัมภาษณ์จึงทำให้เชื่อมั่นในวิธีการที่ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นจริง  สามารถนำมาอ้างอิงและกำหนดให้เป็นแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมได้จริง ในส่วนแหล่งข้อมูล การพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษา ให้เกิดคุณภาพและยั่งยืน ข้อมูลที่นำมาอ้างอิงจากงานวิจัยต่าง ๆ  มีที่มาจากประเทศทั้งในภูมิภาคเดียวกันและต่างภูมิภาค ซึ่งเป็นการนำผลการวิจัยมาเทียบเคียงกับสถานการณ์ของเคนย่า ทำให้มองเห็นถึงการใช้ผลการวิจัยนั้น ๆ มาเป็นแนวทางประกอบเพื่อให้ครอบคลุมประเด็นการวิจัย  ทั้งในเรื่องอุปกรณ์การฝึกอบรมและการได้มาของทักษะการจ้างงานโดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมในด้านเทคนิคสาธารณะและอาชีวศึกษาและสถาบันฝึกอบรมในเขตไนโรบี  การวิเคราะห์สถานการณ์ภาคการศึกษา  รายงานฉบับสุดท้ายด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาและการฝึกอบรม  การปรับปรุงอาชีวศึกษาด้านเทคนิคและการฝึกอบรมในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน – อิรัก  รวมถึงแหล่งข้อมูลที่เป็นเอกสารทฤษฎี  ทั้งนี้จากเอกสารแหล่งข้อมูลต่าง ๆ  ดังกล่าว  ผู้ปริทัศน์เห็นว่า  แหล่งข้อมูลมีความสอดคล้อง  เหมาะสมสำหรับการนำมาใช้เป็นแนวทางการดำเนินการวิจัย  การสัมภาษณ์แสดงให้เห็นปัญหาในแต่ละประเด็นทำให้ข้อมูลที่ได้มีความน่าเชื่อถือ  เพราะเป็นการสะท้อนความคิดที่มาจากประสบการณ์ของผู้ให้สัมภาษณ์เอง  เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการนำไปใช้เป็นแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค  อาชีวศึกษาและการฝึกอบรม ในส่วนของข้อมูลหลักการความยั่งยืน งานวิจัยใช้การอ้างอิงจาก UNESCO-UNEVOC  ซึ่งนำมาอธิบายสนับสนุนแนวคิดด้านเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับผู้เรียน แต่ขาดน้ำหนักด้านหลักการความยั่งยืน หากมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในการจัดการศึกษา  เช่น  รูปแบบของการศึกษาเพื่อความยั่งยืน  หรือตัวชี้วัดความยั่งยืนทางการศึกษา  จะเป็นการเพิ่มความชัดเจนให้กับแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาที่ผู้วิจัยเสนอไว้  และเป็นแนวทางสำหรับการนำไปใช้เพื่ออ้างอิงการวิจัย

  3.   กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล  กลุ่มตัวอย่างเป็นครูและผู้ฝึกสอนของ  Technical and Vocational Education and Training (TVET)  โดยเลือกจากผู้ตอบแบบสอบถาม  50  คน  เป็นหัวหน้าแผนก  10  คน  จากสถาบัน  Technical and Vocational Education and Training (TVET)  ทั้งหมด  5  แห่ง  ในเขต  Homabay  ใช้วิธีการรวบรวมข้อมูลโดยใช้ตารางการสัมภาษณ์เชิงลึก  วิเคราะห์และตีความเนื้อหา  สรุปผลในรูปแบบตารางและกราฟเพื่อแสดงจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม  และสรุปรายงานการวิจัยเป็นประเด็นความคิดเห็น  ซึ่งผู้วิจัยได้นำทฤษฎี  Functional Context  โดย  Sticht et al (1991)  มาใช้เป็นกรอบแนวคิดในการตอบสมมติฐานที่ว่านักเรียนเรียนรู้ได้ดีขึ้นเมื่อมีการเรียนการสอนโดยใช้ฐานความรู้เดิม  และนำทฤษฎีพื้นฐาน  (Grounded)  มาอ้างอิงผลการวิจัยทำให้มีเกิดข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการเรียนใน  4  ด้าน  คือ  ประการแรกการให้คำแนะนำแก่ผู้เรียน  ประการที่สองต้องมีการพัฒนาเนื้อหาสำหรับการเรียน  พัฒนาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลและการออกแบบสื่อหรือเครื่องมือการเรียนรู้  ประการที่สามต้องใช้เครื่องมือและสื่อตรงกับสิ่งที่นักเรียนกำลังเรียนรู้  และประการสุดท้ายต้องประเมินการเรียนรู้แบบใหม่ ๆ  จากวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าว  ผู้ปริทัศน์เห็นว่าการใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกจากครูและผู้ฝึกสอนของสถาบันเองทำให้ทราบข้อดีข้อด้อยและปัญหาที่เกิดขึ้น  ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง  เป็นการสะท้อนปัญหาได้ชัดเจนจากมุมมองของผู้ที่ปฏิบัติงาน  เป็นการสร้างความมั่นใจในข้อมูลการวิจัยว่าสามารถนำไปใช้อ้างอิงหรือประยุกต์ใช้ในงานวิจัยอื่น ๆ หรือนำไปสู่การแก้ปัญหา ซึ่งการวิเคราะห์เนื้อหาโดยมีทฤษฎีการเรียนรู้เป็นกรอบเบื้องต้น ทำให้สามารถกำหนดแนวทางการพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาของสถาบันเหล่านี้ได้  หากแต่ถ้ามีการเพิ่มกลุ่มตัวอย่างจากสถาบันการอาชีวศึกษาและอบรมวิชาชีพอื่น ๆ  สะท้อนมุมมองจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนของสถาบัน  หรือผู้มีส่วนได้เสียอื่น  หรือสถาบันที่มีบทบาทหน้าที่สอดคล้องใกล้เคียงกับสถาบัน  Technical and Vocational Education and Training (TVET) อาจจะมองเห็นปัญหาในด้านอื่น  เป็นการเพิ่มเติมข้อมูลให้มีมิติที่กว้างขึ้น  หรือพบปัญหาและแนวทางการพัฒนาหลากหลายมากยิ่งขึ้น

  4.   ผลการศึกษา จากผลการศึกษาวิจัยในงานนี้ เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษาข้อมูลหรือประเด็นของปัญหาที่พบในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษา เนื่องจากงานวิจัยได้ชี้ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมของเคนย่า ใช้การนำเสนอในรูปแบบสรุปเป็นประเด็นปัญหา  นับตั้งแต่ การขาดเงินทุนพัฒนา อุปกรณ์เครื่องมือล้าสมัย การขาดครูที่มีความชำนาญหรือประสบการณ์ในการสอน พร้อมกับการเสนอแนวทางการจัดการศึกษาทำให้มีการเสนอพบว่าการพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาให้เกิดความยั่งยืนได้ จำเป็นต้องพัฒนา กระบวนการ ทรัพยากรของ สถาบัน Technical and Vocational Education and Training (TVET)  ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านอาชีวศึกษา ทั้งการเพิ่มเงินทุน การจัดหาและบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้ทันสมัย การเสริมสร้างโปรแกรมการให้คำปรึกษาในสถาบัน การยอมรับแนวทางการสอนที่มีประสิทธิภาพ การจ้างผู้ฝึกสอนที่เพียงพอในด้านเทคนิควิชา การบริการจัดการจัดเงิน ส่งเสริมความร่วมมือและความร่วมมือกับภาคเอกชน ดำเนินการติดตามและประเมินผลอย่างเพียงพอ ส่งเสริมการวิจัยด้านเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมและการปลูกฝังผู้เรียน ซึ่งจากผลการวิจัยนี้ ผู้ปริทัศน์เห็นว่าควรนำตัวชี้วัดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน มากำหนดเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ สอดคล้องกับ คู่มือ Greening การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษาแนวทางปฏิบัติสำหรับสถาบันต่าง ๆ โดย UNESCO-UNEVOC (2017) การศึกษาวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์แห่งสหประชาชาติองค์การวัฒนธรรม กล่าวถึงการพัฒนาการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาต้องมีความพร้อมด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ ต้องจัดหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับการศึกษาในการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรม ของงานวิจัยนี้อาจเป็นแนวทางการพัฒนาต่อเนื่องไปสู่นวัตกรรมทางการศึกษาต่อไป

  5. ข้อเสนอแนะ  การวิจัยฉบับนี้มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากการสัมภาษณ์เชิงลึกครูหรือผู้ฝึกสอน  ทั้งนี้แล้ว  การศึกษาควรจะเพิ่มกลุ่มตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์เนื้อหา จากบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น สถาบันอบรมวิชาชีพอื่น ๆ  สถานประกอบการภาคธุรกิจในฐานะผู้ว่าจ้าง รวมถึงผู้ปกครองของนักเรียนเอง ซึ่งจะได้ข้อมูลการวิจัยที่รอบด้านมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาการจัดการศึกษาเทคนิค อาชีวศึกษาและการฝึกอบรมอย่างยั่งยืน

Article Details

บท
บทความปริทรรศน์