การค้นหาทุนมนุษย์ กรณีศึกษา ความรู้เรื่องผักพื้นบ้านของชุมชนชานเมืองด้านตะวันออก ของกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
ทุนมนุษย์, ค้นหาทุนมนุษย์, การค้นพบโอกาส, โอกาสการเป็นผู้ประกอบการ, ผักพื้นบ้าน ชานเมืองกรุงเทพมหานครบทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้นหาทุนมนุษย์เรื่องผักพื้นบ้านของชุมชนชานเมืองด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร และนำเสนอโมเดลการค้นหาทุนมนุษย์เรื่องผักพื้นบ้านของชุมชนชานเมือง ผ่านการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคผักพื้นบ้าน และการค้นพบโอกาส โดยทำกรณีศึกษาในพื้นที่ชุมชนแผ่นดินทองวัดลำพะอง เขตหนองจอก จังหวัดกรุงเทพมหานคร การเก็บข้อมูลใช้การสำรวจผักพื้นบ้านที่มีการปลูกทั่วทั้งชุมชน และสำรวจพฤติกรรมการบริโภคผักพื้นบ้านกับกลุ่มตัวอย่าง 121 ครัวเรือน และสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างกับตัวแทนกลุ่มบ้าน 8 ราย ทำการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน และการวิเคราะห์เครือข่ายสังคม ข้อมูลเชิงคุณภาพทำการวิเคราะห์ด้วยการทำแผนที่ด้วย Google Mymaps และการวิเคราะห์หมวดหมู่ ผลการศึกษาพบว่า ชุมชนฯ มีผักพื้นบ้านที่หลากหลายถึง 60 กว่าชนิด มีการบริโภคผักพื้นบ้านเฉลี่ย 24.97 ชนิด จาก 30 ชนิดที่ทำการสำรวจจากผักพื้นบ้านที่ชุมชนมีการปลูกมากที่สุด โดยครัวเรือนที่มีภูมิลำเนามาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริโภคผักพื้นบ้านเฉลี่ยสูงที่สุด ที่ 28.36 ชนิด รองลงมาคือจากภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ที่เฉลี่ย 27.67, 25.94, 24.5 และ 24.17 ชนิด ตามลำดับ โดยไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อทำการวิเคราะห์ความแปรปรวนด้วย One-way ANOVA ที่ระดับความเชื่อมั่น α = 0.01 ชุมชนฯ มีความถี่ในการบริโภคผักพื้นบ้านเฉลี่ย 4.10 จาก 6 ระดับ หรือเดือนละ 2 ครั้ง ครัวเรือนที่มีภูมิลำเนามาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความถี่ในการบริโภคผักพื้นบ้านสูงที่สุดที่ 4.88 รองลงมาได้แก่ครัวเรือนที่มีภูมิลำเนาจากภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ที่เฉลี่ย 4.72 (เดือนละ 4 ครั้ง), 4.26, 4.19 และ 3.92 (เดือนละ 2 ครั้ง) ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์ความแปรปรวนด้วย One-way ANOVA ที่ระดับความเชื่อมั่น α = 0.01 พบว่าครัวเรือนที่มีภูมิลำเนาจากแต่ละภูมิภาคมีความถี่ในการบริโภคผักพื้นบ้านที่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แหล่งที่มาของผักพื้นบ้านที่บริโภคส่วนมากได้มาจากการซื้อร้อยละ 58 รองลงมาได้มาจากการปลูกเอง ขอเพื่อนบ้าน/ญาติ เก็บจากที่สาธารณะ และนำมาจากต่างจังหวัดร้อยละ 23.7, 2.7, 1.3 และ 0.4 ตามลำดับ โมเดลการค้นพบโอกาสและทุนมนุษย์ผักพื้นบ้านของชุมชนชานเมืองด้านตะวันออกกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือผักพื้นบ้านทั้งในและนอกชุมชน การบริโภคผักพื้นบ้าน แผนที่ความรู้เรื่องผักพื้นบ้าน โอกาสของชุมชนเรื่องผักพื้นบ้าน และทุนมนุษย์เรื่องผักพื้นบ้านของชุมชน
เอกสารอ้างอิง
ชูชัย สมิทธิไกร. (2556). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีรวีร์ วราธรไพบูลย์. (2557.) พฤติกรรมการบริโภคอาหาร: อาหารนิยมบริโภคกับอาหารเพื่อสุขภาพ. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 5(2), 255-264.
บังอร เลิศสกุลจินดา. (2549). การศึกษาการนำผักพื้นบ้านมาใช้ประโยชน์ของชุมชนบ้านไร่พิจิตรภายใต้กรอบแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง. วารสารการวิจัย, 12 (2), 106-124.
ปวีณภัทร นิธิตันติวัฒน์ และ วรางคณา อุดมทรัพย์. (2560). พฤติกรรมการบริโภคอาหารของวัยรุ่นไทย ผลกระทบและแนวทางแก้ไข. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 28(1), 122-128.
ประสพชัย พสุนนท์. (2555.) การวิจัยการตลาด. กรุงเทพมหานคร: ท้อป.
มโนลี ศรีเปารยะ เพ็ญพงศ์. (2061). พฤติกรรมและการตัดสินใจบริโภคอาหารของประชาชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2562, จาก แผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ เว็บไซต์: http://www.fhpprogram.org/ media/ pdfs/reports/abc9cf89c737f7fd0c75c73a5096a8dd.pdf
รุ่งฤดี รัตนวิไล. (2559). การใช้ประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจของผักพื้นบ้านในตำบลคู้ยายหมี อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารธุรกิจปริทัศน์, 8(1), 85-101.
ลั่นทม จอนจวบทรง และณธภร ธรรมบุญวริศ. (2556). การถ่ายทอดความรู้ท้องถิ่น กรณีศึกษาการถ่ายทอดความรู้ผักพื้นบ้านของภาคตะวันออก. วารสาร มฉก. วิชาการ, 17(33), 117-128.
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง. (2560). ผักพื้นบ้าน อาหารเป็นยา รักษาสุขภาพ. สืบค้นเมื่อ 7 มีนาคม 2563, จาก สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) เว็บไซต์: https://www.hrdi.or.th/Articles/ Detail/26
สารานุกรมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (2552). การบำบัดนำเสียด้วยระบบพืชกรองน้ำเสีย. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2562, จาก สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เว็บไซต์: https://www.hii.or.th/wiki84/ index.php/การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบพืชกรองน้ำเสีย.
สารนุกรมไทยสำหรับเยาวชน ในพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. (2562). สารนุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 13 เรื่องที่ 8 อาหารไทย. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2562, จาก เครือข่ายกาณจนาภิเษก เว็บไซต์: http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book= 13&chap=8&page=chap8.htm
สุรเดช ไชยตอกเกี้ย. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของวัยผู้ใหญ่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย, 13(45), 68-78.
Baron, A., and Armstrong, M. (2007). Human capital management Achieving added value through people. London: Kogan Page.
Becker, G.S. (1962). Investment in human capital: A theoretical analysis. Journal of Political Econom, 70(5), 9-49.
Borgatti, S.P., Everett, M.G., and Johnson, J.C. (2013). Analyzing Social Networks. Thousand Oaks, CA: Sage.
de Visser, R., et al. (2016). Changes in school health program improve middle school students’ behaviors. Journal of Health Behavior, 40(5), 568-577.
Driessen, S., Huijsen, W., and Grootveld, M. (2007). A framework for evaluating knowledge-mapping tools Journal of Knowledge Management, 11(2), 76-86.
Eckhardt, J.T., and Shane, S.A. (2003). Opportunities and entrepreneurship. Journal of Management. 29(3), 333-349.
Ehrenberg, R.G., and Smith, R.S. (2003). Modern labor economics. Boston: Addison Wesley.
Foss, N.J., Lyngsie, J., and Zahra, S.A. (2015). Organizational design correlates of entrepreneurship: The roles of decentralization and formalization for opportunity discovery and realization. Strategic Organization, 13(1), 32-60.
Freitas, A.A. (2003). A survey of evolutionary algorithms for data mining and knowledge discovery in A. Ghosh and S. Tsutsui (eds.), Advances in Evolutionary Computing (pp. 819-845). Berlin: Springer.
Gonzalez, M.F., Husted, B.W., and Aigner, D.J. (2017). discovery and creation in social entrepreneurship: An exploratory study in Mexico. Journal of Business Research, 81(2017), 212-220.
Google. (2007). Introsucing My Maps. Retrieved 3 August 2018, from Google Website: http://googlepress.blogspot.com/ 2007/04/introducing-my-maps
Hatch, N.W., and Dyer, J.H. (2004). Human capital and learning as a source of sustainable competitive advantage. Strategic Management Journal, 25, 1155 - 1178.
Jafari, M., Akhavan, P., Bourouni, A., and Amiri, R. (2009). A framework for the selection of knowledge mapping techniques. Journal of Knowledge Management Practice, 10(1), 1-8.
Kaplan, R.S., and Norton, D.P. (2004). Measuring the strategic readiness of intangible assets. Harvard Business Review. (February), 52-63.
Lecocq, A., and Valcartier, D. (2006). Knowledge mapping: A conceptual model A Technical report. Defence Research and Development Canada research centres.
Price, L.L., and Ogle, B. (2009). Gathered indigenous vegetables in Mainland Southeast Asia: A Gender asset.
Retrieved 18 June 2009, from International Development Research Centre Website: http://www.idrc.ca/en/ev-126374-201-1-DO_TOPIC.html
Sahai, S. (2003). Importance of indigenous knowledge. Indian Journal of Traditional Knowledge, 2(1), 11-14.
Sarafino, E.P. (2001). Behavior modification: Understanding principles of behavior change. Mountain View, California ; Mayfield.
Scott, J. (2000). Social network analysis. London: SAGE Publications.
Solomon, M. (2018). Consumer behavior: buying, having, and being. Harlow, England: Peason Education Limited.
Toledo, C.M., Chiotti, O., and Galli,M.R. (2016). New knowledge representation for managing organisational knowledge objects. XLII Latin American Computing Conference (CLEI) Computing Conference (CLEI), 10 -14 October 2016 Valparaiso, Chile. IEEE Xplore Digital library.
UNESCO, (2017). Local and indigenous knowledge systems. Retrieved 7 March 2063, from UNESCO Website: http://www.unesco.org/new/en/natural-sciences/priority-areas/links/related-information/
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์จะเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารธุรกิจปริทัศน์
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว

