The Relationships Among Young Malaysian-Indian’s Self- Perceived Family Communication Pattern, Media Exposure to Tamil Movies, and their Attitude and Belief toward Violence
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวของวัยรุ่นชาวมาเลเซีย-อินเดีย พฤติกรรมการเปิดรับสื่อภาพยนตร์ทมิฬกับทัศนคติและความเชื่อต่อความรุนแรง
งานวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวพฤติกรรมชมภาพยนตร์ทมิฬ และทัศนคติและความเชื่อต่อความรุนแรงในชีวิตประจำวันของวัยรุ่นชาวมาเลเซีย-อินเดียที่อาศัยในเมืองยะโฮร์บาห์รู โดยได้สุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นและการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย สถิติในการวิเคราะห์ ได้ แก่ ไค-สแควร์ การวิเคราะห์ตัวแปรปรวนพหุนามและวิเคราะห์ถดถอยพหุคุณ ด้วยระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ผลการวิจัยพบว่า (1) เพศและอายุของกลุ่มตัวอย่างมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัว แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับตัวแปรอื่นๆซึ่งประกอบด้วย ลักษณะครอบครัว จำนวนพี่น้อง ระดับการศึกษาของบิดา และมารดา อาชีพของบิดาและมารดา และรายได้ของครอบครัวต่อเดือน (2) กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ ลักษณะของครอบครัว และระดับการศึกษาของบิดาที่แตกต่างกัน จะมีพฤติกรรมเปิดรับสื่อภาพยนตร์ทมิฬ และรับรู้ความถี่ของการนำเสนอความรุนแรงในภาพยนตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปัจจัยด้านเพศ จำนวนพี่น้อง ระดับการศึกษาอาชีพของมารดาและบิดา และรายได้ของครอบครัวต่อเดือนไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญกับตัวแปรตามดังกล่าว(3) กลุ่มตัวอย่างที่มีรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวแตกต่างกัน จะมีพฤติกรรมเปิดรับสื่อภาพยนตร์ทมิฬและรับรู้ความถี่ในความรุนแรงในภาพยนตร์แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยครอบครัวปล่อยและจะรับรู้การนำเสนอความรุนแรงในภาพยนตร์ในความถี่ที่ต่ำกว่าครอบครัวเห็นพ้องต้อง ครอบครัวปกป้อง และครอบครัวแบบเปิดเสรีทางความคิด (4) กลุ่มตัวอย่างที่มีรูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวแตกต่างกันจะมีทัศนคติการโอ้อวดความเป็นชาย ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่รูปแบบการสื่อสารภายในครอบครัวไม่มีผลต่อทัศนคติยอมรับความรุนแรงของกลุ่มตัวอย่าง และ (5) กลุ่มตัวอย่างที่มีพฤติกรรมเปิดรับสื่อภาพยนตร์ทมิฬ จะมีทัศนคติการโอ้อวดความเป็นชายและยอมรับความรุนแรงในชีวิตประจำวันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Article Details
บทความที่นำมาสมัครลงตีพิมพ์ในวารสารต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่มาก่อน และไม่ส่งต้นฉบับบทความซ้ำซ้อนกับวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนบทความต้องไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น