ความไม่ชัดเจนในความหมายทำให้คุณค่าของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ที่ใช้เพื่อคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติลดลงหรือไม่
บทคัดย่อ
หลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมเป็นหลักมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักที่ใช้เพื่อคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าส่วนใหญ่หลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมจะถูกกำหนดอยู่ในข้อตกลงที่เกี่ยวกับการลงทุน แต่ไม่ได้มีการให้คํานิยามหรือคำจำกัดความของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมไว้แต่อย่างใด ทำให้มีการให้ความหมายหรือตีความหลักดังกล่าวในความหมายที่แตกต่างกัน ผลจากการที่ความหมายของหลักดังกล่าวยังไม่มีการให้นิยามที่แน่ชัดอาจมองได้ 2 มุมมอง กล่าวคือ มุมมองแรก คือ การที่ไม่ได้มีการให้คํานิยามของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมไว้อย่างชัดเจน อาจส่งผลเสียทำให้การนำหลักดังกล่าวมาใช้เพื่อคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนมุมมองที่สอง คือ การที่ไม่ได้มีการให้คํานิยามของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมไว้อย่างชัดเจน จะส่งผลดีทำให้เป็นการเปิดช่องให้สามารถตีความหรือนิยามความหมายของหลักดังกล่าวให้สอดคล้องกับแต่ละสถานการณ์ของการลงทุนหรือการทำความตกลงที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น ในบทความนี้จะวิเคราะห์ว่าความคลุมเคลือหรือความไม่ชัดเจนในความหมายของคำว่าหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมทำให้คุณค่าของหลักดังกล่าวลดลงหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าความไม่แน่นอนในความหมายของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมไม่ได้ทำให้คุณค่าของหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมลดลงเนื่องจากเหตุผลหลายประการ กล่าวคือ ศาลสามารถตีความหลักดังกล่าวโดยนำหลักต่างๆ เช่น หลักสุจริต หลักความคาดหวังที่เป็นธรรม หลักความชอบด้วยกระบวนการทางกฎหมาย มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์หรือเงื่อนไขของแต่ละกรณีเพื่อให้นักลงทุนได้รับความยุติธรรมที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ในกรณีที่นักลงทุนได้รับการคุ้มครองที่ต่ำกว่ามาตรฐานหรือไม่ได้รับการคุ้มครอง การที่ยังไม่ได้มีการให้คำจำกัดความของหลักดังกล่าว ส่งผลทำให้ศาลสามารถตีความหลักปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียมเพื่อมาอุดช่องว่างที่ไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนต่างชาติได้
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อความคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารฉบับนี้เป็นวรรณกรรมของผู้เขียนโดยเฉพาะ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และกองบรรณาธิการไม่มีส่วนรับผิดชอบหรือไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นนั้น แต่ประการใด

