การขึ้นทะเบียนบัญชีมรดกโลกตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก ทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ.1972 : ศึกษากรณีกลุ่มป่าแก่งกระจาน

ผู้แต่ง

  • นิก สุนทรธัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว

คำสำคัญ:

อนุสัญญามรดกโลก, มรดกทางธรรมชาติ, กลุ่มป่าแก่งกระจาน

บทคัดย่อ

ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ.1972 ในปี พ.ศ. 2530 โดยตระหนักถึงความสำคัญร่วมกันในการปกปักรักษาเอกลักษณ์และคุณค่าของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเพื่อให้เป็นมรดกของมวลมนุษยชาติทั้งปวง โดยอนุสัญญาได้กำหนดหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติที่ประเทศภาคีสามารถเสนอชื่อและสถานที่ในประเทศของตนให้ได้รับการพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกผ่านระบบและกลไกตามที่อนุสัญญากำหนดไว้ ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เสนอสถานที่สำคัญและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้ว 5 แห่ง เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม 3 แห่ง และเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 2 แห่ง กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกแห่งล่าสุดที่ประเทศไทยเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากคณะกรรมการมรดกโลกในข้อกังวลเรื่องเขตแดนไทยและเมียนมาร์ กลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานมาแต่ดั้งเดิม เกิดความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกะเหรี่ยงกับหน่วยงานภาครัฐที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ในประเด็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ใจกลางกลุ่มป่าแก่งกระจาน แต่ในที่สุด กลุ่มป่าแก่งกระจานก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 พ.ศ. 2564 ด้วยเหตุผลหลักในเรื่องความโดดเด่นของความหลากหลายทางชีวภาพของกลุ่มป่าแก่งกระจาน

               อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของกลุ่มป่าแก่งกระจาน แต่สิ่งที่รัฐควรต้องตระหนักคือประเด็นในเรื่องการเคารพต่อสิทธิทางวัฒนธรรมอันเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน สิทธิของชนกลุ่มน้อย ชนเผ่าพื้นเมือง ในบริบทของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมาย ภายในประเทศ การทบทวนบทบัญญัติของพระราชบัญญัติป่าชุมชน เพื่อสนับสนุนหลักการในอุดมคติ “คนอยู่กับป่า” สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มชาติพันธ์ดั้งเดิมที่อยู่ในพื้นที่มรดกโลก โดยถือว่าชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่แต่ดั้งเดิมเหล่านั้น เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกทางธรรมชาติเช่นกัน

เอกสารอ้างอิง

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (10 สิงหาคม 2564) กรมอุทยาน

แห่งชาติ <http://park.dup.go.th/visitor/nationparkshow.php?PTA_CODE=1028>.

ประชาไท, ข่าวเกี่ยวกับชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่แก่งกระจาน –ประชาไท (10 สิงหาคม 2564) ประชาไท

<http://prachatai.com/journal/2018/04/76460>.

มติชน, ให้เห็นกับตาและเชื่อมั่น แก่งกระจานสมควรเป็นมรดกโลก? (10 สิงหาคม 2564) มติชน

<https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2431246>.

ศูนย์ข้อมูลมรดกโลก กระทรวงวัฒนธรรม, อนุสัญญามรดกโลก (10 สิงหาคม 2564) กระทรวงวัฒนธรรม

<http://164.115.22.96>con vention>.

สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์, ทนายวัฒนธรรม:ใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมชุมชน

(กรุงเทพมหานคร: ภาพพิมพ์, 2560).

ส่วนมรดกทางธรรมชาติ กองการต่างประเทศ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช, ส่วนมรดกทาง

ธรรมชาติ (10 สิงหาคม 2564) กองการต่างประเทศ <http://naturalworldheritage.dup.go.th/

news/view?id=2>.

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, คู่มือการนำเสนอแหล่งมรดกทาง

วัฒนธรรมและแหล่งมรดกทางธรรมชาติเป็นแหล่งมรดกโลก (10 สิงหาคม 2564)

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม < http://www.onep.go.th/need

/wp-content/uploads/2018/03/Guideline-book-world-heritage>.

สำนักจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม สำนักนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและ

สิ่งแวดล้อม, อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ (กรุงเทพ:โมโนกราฟสตูดิโอ, 2557).

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-11-01

รูปแบบการอ้างอิง

สุนทรธัย น. (2021). การขึ้นทะเบียนบัญชีมรดกโลกตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก ทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ.1972 : ศึกษากรณีกลุ่มป่าแก่งกระจาน. วารสารวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 12(1), 181–201. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawhcu/article/view/250118

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ