บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งในการอำนวยความยุติธรรมกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ผู้แต่ง

  • ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คำสำคัญ:

การเลือกตั้ง, คณะกรรมการการเลือกตั้ง, บทบาทและอำนาจหน้าที่

บทคัดย่อ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นองค์กรอิสระ องค์กรหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีหน้าที่และอำนาจในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและควบคุมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม  สืบสวนหรือไต่สวน รวมทั้งใช้อำนาจสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด

จากการศึกษาพบว่า  คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้อำนาจในทางกฎหมายมหาชน โดยให้อำนาจเสร็จเด็ดขาดในองค์กร อันขัดต่อหลักนิติรัฐและหลักแบ่งแยกอำนาจ ต้องตรวจสอบการใช้อำนาจโดยองค์กรตุลาการและภาคประชาชน หลักการจัดการเลือกตั้งโปร่งใส ตรวจสอบได้ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการเลือกตั้งสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรเพราะการจัดการเลือกตั้งถือว่าเป็นการบริหารจัดการเลือกตั้งอันเป็นการอำนวย
ความยุติธรรมในกระบวนยุติธรรมในคดีเลือกตั้ง

กระบวนการเลือกตั้ง เป็นขั้นตอนที่กำหนดไว้ในการใช้อำนาจตามกฎหมายมหาชน พบว่า การใช้อำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขาดเครื่องมือในการตรวจสอบภายในองค์กรและแนวทางปฏิบัติระหว่างองค์กรมีความแตกต่างกัน แม้จะให้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อองค์กรตุลาการ ย่อมทำให้ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียโอกาสแข่งขันทางการเมืองประกอบกับการกำหนดคุณสมบัติเข้มข้นตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถือเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างหลักเกณฑ์ในการคัดกรองบุคคลเข้าสู่อำนาจ  จากการใช้อำนาจในการสืบสวนหรือไต่สวนและวินิจฉัย
ชี้ขาด เป็นกระบวนการยุติธรรมคดีเลือกตั้งในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้หลักการรับฟังพยานหลักฐานในระบบไต่สวนฟังความทุกฝ่าย โดยได้กำหนดระเบียบในองค์กรเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่
ให้มีประสิทธิภาพ คำวินิจฉัยชี้ขาดไม่เป็นคำสั่งทางปกครอง แต่เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ กระบวนการขั้นตอนนี้ให้หลักพิจารณาต่อเนื่อง รวดเร็วและเป็นธรรม แม้กำหนดกรอบระยะเวลา
แต่ในทางปฏิบัติพบว่า มีช่องว่างกฎหมายให้สืบสวนหรือไต่สวนล่าช้า ประวิงเวลา เกิดผลกระทบต่อ
การอำนวยความยุติธรรมและไม่สอดคล้องในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดมีความล่าช้า ศาลปกครองไม่อาจเข้ามาตรวจสอบในการดำเนินการล่าช้าได้  การใช้อำนาจในการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  เป็นนวัตกรรมและ
เครื่องมือใหม่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิม ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง ให้อำนาจสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการชั่วคราวระยะเวลา
ไม่เกินหนึ่งปีและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือใบส้ม เป็นการใช้อำนาจกึ่งตุลาการและเสร็จเด็ดขาด
ในองค์กร อาจเป็นข้อดีในการบริหารจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว เสร็จเด็ดขาดในองค์กร แต่องค์กรตุลาการ
ไม่อาจเข้าไปตรวจสอบได้ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจเนื่องจากองค์กรคณะกรรมการการเลือกตั้ง
เป็นองค์กรอิสระ องค์กรหนึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระนาบเดียวกับฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ ย่อมต้องถูกตรวจสอบจากองค์กรหนึ่งเพื่อยับยั้งการใช้อำนาจอีกองค์กรหนึ่ง ส่วนการ
เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าในกรณีใดๆ หรือใบดำ  เป็นมาตรการจำกัดสิทธิและป้องกัน
การทุจริตเลือกตั้งให้ผู้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกิดความเกรงกลัว เสมือนประหารชีวิต
ทางการเมืองและอาจถูกดำเนินคดีอาญาอีกประการหนึ่ง ปัญหาระยะเวลาในการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การออกแบบระยะเวลาจะต้องสัมพันธ์กันโดยตรงกับการเรียกประชุมสภา
ครั้งแรกเพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่และเพื่อป้องกันสุญญากาศทางการเมือง การกำหนดระยะเวลาประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่กระทบกับผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการเลือกตั้ง เป็นเพียงการใช้อำนาจดังกล่าวไม่ตัดหน้าที่และอำนาจในการสืบสวนหรือไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดต่อไปและไม่กระทบต่อกระบวนยุติธรรมในคดีเลือกตั้งในการตรวจสอบการใช้อำนาจของคณะกรรมการ
การเลือกตั้งโดยองค์กรตุลาการให้อำนาจศาลฎีกาออกระเบียบที่ประชุมใหญ่เพื่อบังคับใช้คดีเลือกตั้ง
ไม่ผ่านกระบวนการตราโดยฝ่ายนิติบัญญัติและปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายวิธีพิจารณาและคดีเลือกตั้ง
ที่องค์กรตุลาการนำมาใช้เพื่อเป็นมาตรฐานในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน 

ข้อเสนอแนะ ดังนี้

(1) การใช้อำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรให้มีเครื่องมือตรวจสอบภายในองค์กร โดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพื่อรองรับการตรวจสอบคุณสมบัติที่เข้มข้นตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  แนวทางในการตีความระหว่างองค์กรควรเป็นไปทิศทางเดียวกันโดยเฉพาะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือส่วนมวลชนใดๆ
เพื่อป้องกันความสับสนของผู้มีส่วนได้เสียและแนวทางปฏิบัติของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง 

(2) การใช้อำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนแบบบัญชีรายชื่อ ควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ.  2561 หมวด 4 ว่าด้วยผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนที่ 3 การสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ มาตรา 61/1

(3) การใช้อำนาจในการสืบสวนหรือไต่สวนหรือวินิจฉัยชี้ขาด ควรเพิ่มบุคลากรในองค์กรเจ้าพนักงานสืบสวนและไต่สวนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวนหรือการไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 การสืบสวนหรือไต่สวนที่มีความล่าช้าไม่อาจถูกตรวจสอบโดยศาลปกครอง ขัดหลักการแบ่งแยกอำนาจตรวจสอบโดยองค์กร
ตุลาการ ควรวางระเบียบฯ ให้กระชับอยู่ในกรอบระยะเวลาไม่อาจขยายระยะเวลาได้ไม่ว่าในกรณีใดๆ ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมในคดีเลือกตั้งโดยการพิจารณารวดเร็วต่อเนื่องและเป็นธรรม

(4) กระบวนการตามขั้นตอนสืบสวนหรือไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ควรให้ทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในคดีเลือกตั้ง การวิเคราะห์สำนวนในชั้นคณะอนุกรรมการวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้ง หากเห็นว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ และ
มีความเห็นสั่งสืบสวนหรือไต่สวนเพิ่มเติม ควรกำหนดกรอบระยะเวลาให้แน่นอนเพื่อป้องกันประวิงเวลา

(5) การใช้อำนาจในการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง
(ใบส้ม) ควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 225 วรรคสอง และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. 2561 มาตรา 132 วรรคสอง

(6) การใช้อำนาจโดยองค์กรตุลาการในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบดำ) ควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 235 วรรคสี่

(7) การใช้อำนาจในการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ควรแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 85 วรรคท้ายและแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 127 วรรคหนึ่ง

(8) การใช้อำนาจตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยองค์กรตุลาการ
 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 วรรคท้าย โดยบัญญัติให้
การพิจารณาของศาลฎีกาให้เป็นไปตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ปัจจุบันศาลฎีกาได้ออกระเบียบว่าด้วยการพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและการเพิกถอนสิทธิสมัคร
รับเลือกตั้งหรือสิทธิการเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งไม่ได้ผ่านกระบวนตรากฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติและไม่มีกฎหมายเฉพาะที่กำหนดวิธีพิจารณาคดีและวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง อันเป็นกระบวนการยุติธรรมในคดีเลือกตั้ง เห็นควรให้ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาและวินิจฉัยคดีเลือกตั้ง พ.ศ.... เพื่อมาบังคับใช้ให้เป็นกฎหมายเฉพาะต่อไป

 

เอกสารอ้างอิง

พหลวัฑฒิ์ อินทรบุญสม, “มาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาคดีเลือกตั้งของประเทศไทย” (2563) 1:1 วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.

พัฒนภูมิ ผ่องยุบล และคณะ, “การส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนขององค์การบริหารส่วนตำบลในอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา” (2564) 7:1 วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์.

รพีพัฒน์ ศรีศิลารักษ์ และ ธีระวัฒน์จันทึก, “ปัญหาอุปสรรคและแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพ ในการ

ปฏิบัติงานของฝ่ายสอบสวนในระบบงานยุติธรรม” (2560) 8:1 วารสารวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.

วัชราภรณ์ จุ้ยลำเพ็ญ, คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร,

.

สถาบันพระปกเกล้า, รายงานวิจัยบทบาทการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า, 2540).

สติธร ธนานิธิโชติ และ ปัทมา สูบกำปัง, รัฐธรรมนูญใหม่ที่คนไทยปรารถนา (กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้าและสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2558).

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการการเลือกตั้งต่อการควบคุมและจัดการเลือกตั้ง (5 เมษายน 2563) เว็ปไซด์ < https://www.ect.go.th/>.

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (10 เมษายน 2563) เว็ปไซด์ <https://cdc.parliament.go.th/ewtadmin/

ewt/parliament_parcy/ewt_w3c/ewt_dl_link.php?nid=50648>.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-05-18

รูปแบบการอ้างอิง

วงศ์เนียม ณ. (2023). บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งในการอำนวยความยุติธรรมกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. วารสารวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 13(2), 16–43. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/lawhcu/article/view/260132

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย