บทวิเคราะห์วรรณกรรม 1984: ว่าด้วยการวิพากษ์สังคมการเมืองไทย

ผู้แต่ง

  • Tuvapon Tong-intarach อาจารย์ประจำ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร

คำสำคัญ:

วรรณกรรม 1984, วิพากษ์, การเมืองไทย.

บทคัดย่อ

วรรณกรรมคลาสสิค เรื่อง “1984” ที่เขียนขึ้นโดย จอร์จ ออเวลล์ (George Orwell) หรือ เอริค อาร์เธอร์ แบลร์ (Eric Arthur Blair) เป็นการนำเสนอเบื้องลึกเบื้องหลังของ “มนุษย์ สังคม รัฐ อำนาจรัฐ และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับประชาชน” โดยการตั้งคำถามในมุมกลับ กับสิ่งต่าง ๆ ที่ดำรงอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ปกติ แต่ความจริงแล้วเป็น “ความปกติของความไม่ปกติ” ที่ดำรงอยู่ ซึ่งการตั้งคำถามในมุมกลับ กับสิ่งต่าง ๆ ที่ดูเหมือนปกติดังกล่าว ก็จะเป็นการเพิ่มพูนปัญญาความรู้แบบมุมกลับให้กับมนุษย์และสังคมซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกตั้งคำถามด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ทุก ๆ อย่างถูกทำให้รู้สึกราวกับว่าเป็น “ปกติ” เช่น เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแท้ที่จริงแล้วเพิ่มพูนความเป็นมนุษย์หรือลดทอนความเป็นมนุษย์ นำไปสู่การสถาปาศักยภาพทางอำนาจให้สังคม หรือสถาปนาความเป็นทาสให้สังคม และอำนาจในสังคมแบบโกลาหล ลักลั่น ย้อนแย้ง กันระหว่างกรอบคิดกับวิถีปฏิบัติ ซึ่งก่อให้เกิดแง่มุมของอำนาจที่ซับซ้อน นำไปสู่การตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ท้าทายได้อย่างหลากหลาย ในกรณีของสังคมการเมืองไทยเทคโนโลยีของอำนาจเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาตลอดพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐในการกระทำสิ่งต่าง ๆ ในลักษณะที่หลากหลาย แต่ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของวิทยาการโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้เกิดการสถาปนาอำนาจของเทคโนโลยีในรูปแบบและช่องทางที่หลากหลายในความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างรัฐกับประชาชน ในลักษณะการสร้างพื้นทางอำนาจให้แก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์เชิงอำนาจดังกล่าว อำนาจจะมีสองโฉมหน้าที่สำคัญ คือ อำนาจรูปธรรมและอำนาจนามธรรม ซึ่งในสังคมการเมืองไทยจะคุ้นเคยกับอำนาจในแบบรูปธรรม เช่น กฎหมาย ซึ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัด แต่จะไม่คุ้นเคยและรับรู้ถึงอำนาจอีกรูปแบบหนึ่ง คือ อำนาจนามธรรม ที่อาศัยวัฒนธรรมเป็นฐานและปฏิบัติการผ่านทางสถาบันหลักของสังคม เนื่องจากมีความแนบเนียน ซับซ้อน และปราศจากการกดบังคับ และอำนาจในโฉมหน้าที่เป็นนามธรรมดังกล่าวนี้ เป็นอำนาจที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในสังคมการเมืองไทยในยุคปัจจุบัน

เอกสารอ้างอิง

จันทนี เจริญศรี. (2545). โพสต์โมเดิร์นกับสังคมวิทยา. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วิภาษา.

จักษ์ พันธ์ชูเพชร. (10 สิงหาคม 2552). “มิเชล ฟูโกต์: วาทกรรมและปฏิบัติการ”. วันที่ค้นข้อมูล 15 พฤษภาคม 2558, เข้าถึงได้จาก http://www.ajarnjak.

ชัยวัฒน์ สถาอานันท์. (2528). การเมืองมนุษย์: รัฐศาสตร์ทวนกระแส. กรุงเทพฯ: ดอกหญ้า.

ชัยอนันต์ สมุทวณิช. (2552). รัฐ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สถาบันนโยบายศึกษา.

ชาญชัย อาจินสมาจาร. (2551). ทฤษฎีการบริหารตามแนวคิดปราชญ์ตะวันตก. กรุงเทพฯ: ปัญญาชน.

ไชยรัตน์ เจริญสินโอฬาร. (2544). รัฐศาสตร์แนววิพากษ์. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์.

_______. (2549). วาทกรรมการพัฒนา: อำนาจ ความรู้ ความจริง และความเป็นอื่น. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: วิภาษา.

_______. (2545 ก). ขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมรูปแบบใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วิภาษา.

_______. (2545 ข). สัญวิทยา, โครงสร้างนิยม, หลังโครงสร้างนิยม, กับการศึกษารัฐศาสตร์.กรุงเทพฯ: วิภาษา.

_______. (2551). ภาษากับการเมือง/ความเป็นการเมือง. กรุงเทพฯ: โครงการตำราและสิ่งพิมพ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

_______. (2554). แนะนำสกุลความคิดหลังโครงสร้างนิยม. กรุงเทพฯ: สมมติ.

ทองกร โภคธรรม และ นพพร ประชากุล. (2547). ร่างกายใต้บงการ. กรุงเทพฯ: โครงการจัดพิมพ์คบไฟ.

ธเนศ วงศ์ยานนาวา. (18 ตุลาคม 2549). “รัฐประหารกับความชอบธรรมทางการเมือง”. วันที่ค้นข้อมูล 15 พฤษภาคม 2558, เข้าถึงได้จาก http://invisiblenews.exteen.com/20061018/entry.

_______. (2552). ความไม่หลากหลายของความหลากหลายทางวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: สมมติ.

_______. (2552). 1986:เชิงอรรถการปฏิวัติ. กรุงเทพฯ: สมมติ.

_______. (2553). ความรัก ความรู้ ความตาย. กรุงเทพฯ: ศยาม.

_______. (2554). ความสมเหตุสมผลของความชอบธรรม(การครอบงำ). กรุงเทพฯ: คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ธีรยุทธ บุญมี. (2550). ความคิดสองทศวรรษ ธีรยุทธ บุญมี. กรุงเทพฯ: มติชน.

_______. (2551). มิเชล ฟูโกต์. กรุงเทพฯ: วิภาษา.

นิติ ภวัครพันธุ์. (2550). “มือถือ: ปัจจัยที่ห้าของแรงงานพม่าในเมืองชายแดน”. ใน ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สู่พรมแดนความรู้เรื่องวัฒนธรรมบริโภค. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.

ศิริพงษ์ ลดาวัลย์ ณ อยุธยา. (2551). แนวความคิดและทฤษฎีทางรัฐประศาสนศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่2).เชียงใหม่: ธนุชพริ้นติ้ง.

สรวิศ ชัยนาม. (2552). จักรวรรดิอเมริกา ประวัติศาสตร์แบบทวนกระแส อัตลักษณ์ ชีวอำนาจ. กรุงเทพฯ: โครงการหนังสือชุด ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศศึกษา ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สายพิณ ศุพุทธมงคล. (2545). คุกกับคน อำนาจและการต่อต้านขัดขืน. (พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

เสนีย์ คำสุข. (2548). ”การศึกษารัฐศาสตร์แนวทางอำนาจ”. ใน เอกสารการสอนชุดวิชาหลักและวิธีการศึกษาทางรัฐศาสตร์. นนทบุรี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

อมร รักษาสัตย์ และคณะ. (2543). ประชาธิปไตย อุดมการณ์ หลักการ และแบบอย่างการปกครองหลายประเทศ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อานันท์ กาญจนพันธุ์. (2552). คิดอย่างมิเชล ฟูโกต์ คิดอย่างวิพากษ์ จากวาทกรรมของอัตบุคคลถึงจุดเปลี่ยนของอัตตา. เชียงใหม่: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

อภิญญา เฟืองฟูสกุล. (2546). อัตลักษณ์. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขาสังคมวิทยา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ.

_______. (แปล). (2549). หลังโครงสร้างนิยมฉบับย่อ. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.

Althusser, L. (1971). Lenin and Philosophy and Other Essays. New York: Monthly Review Press.

Miliband, R. (1969). The State in Capitalist Society. London: Weidenfeld and Nicolson.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-06-29

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ