ผลการพยากรณ์ของแบบจำลองโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ กรณีศึกษาหุ้นกู้ภาคเอกชนในประเทศไทย
Keywords:
การผิดนัดชำระหนี้, หุ้นกู้ภาคเอกชน, อันดับความน่าเชื่อถือ, แบบจำลองโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้, default probability, default probability model, corporate bonds, credit ratingAbstract
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพและความแม่นยำของแบบจำลองในการประเมินความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ระหว่างแบบจำลองประเภทที่ใช้การคำนวณมูลค่าออปชัน ได้แก่แบบจำลองเมอร์ตัน (Merton Model) แบบจำลองแบรีเออร์ ออปชัน (Barrier Option Model) แบบจำลองค่าเฉลี่ยระหว่างแบบจำลองเมอร์ตันและแบบจำลองแบรีเออร์ ออปชัน กับแบบจำลองที่ใช้การคำนวณจากอัตราส่วนทางการเงินซึ่งได้แก่ แบบจำลอง (Altman – Z – Score Model) โดยเก็บข้อมูลทุติยภูมิจากตราสารหนี้ภาคเอกชนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีการเปิดเผยอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในช่วงปีพ.ศ.2545 ถึงพ.ศ.2554 ผลการวิจัยพบว่าแบบจำลองทั้งจำลองทั้งสี่แบบจำลองมีประสิทธิภาพในการจำแนกหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระหว่าง A- ถึง AAA กับ BBB+ หรือต่ำกว่าได้ ในส่วนของการเปรียบเทียบความแม่นยำนั้นแบบจำลองประเภทกลุ่มของออปชัน มีความแม่นยำในการพยากรณ์มากกว่าแบบจำลองที่ใช้การคำนวณจากอัตราส่วนทางการเงินแบบจำลอง ถึงแม้ว่าแบบจำลองเมอร์ตันมีความแม่นยำมากที่สุดแต่แบบจำลองทั้ง 4 แบบจำลองยังไม่มีประสิทธิภาพในการทำนายอันดับความอันดับความน่าเชื่อถือเพียงพอ เนื่องมาจากอาจมีปัจจัยนอกเหนือจากข้อมูลทางการเงินที่ส่งผลต่ออันดับความน่าเชื่อถืออีก อย่างไรก็ตามเพื่อทดสอบเพิ่มเติมกับบริษัทที่ออกตราสารหนี้ แต่ถูกห้ามการซื้อขายหุ้นสามัญที่สะท้อนบริษัทที่มีปัญหาทางการเงิน แบบจำลอง Altman-Z-Score พบว่ามีประสิทธิภาพที่ดีในการทำนาย
คำสำคัญ: การผิดนัดชำระหนี้, หุ้นกู้ภาคเอกชน, อันดับความน่าเชื่อถือ, แบบจำลองโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้
Abstract
This research aimed to study the performance of default-risk probability prediction models between option based models (Merton Model, Barrier Option Model and the average of probability from Merton Model and Barrier Option Model) and accounting based Model (Altman – Z – Score Model). Only corporate bonds with credit rating were selected as our sampling. The secondary data of these corporate bonds were analyzed from 2002 to 20011. The result revealed that all of four models could separate the bonds between bonds with credit rating A- to AAA and bonds with rating BBB+ or lower. The option based models had the better accuracy than accounting based model. Although, Merton Model had the best accuracy among these four models. All of them had poor performance to predict credit rating group dive to some other factors that might have influential on credit rating. However Altman-Z-Score model still had the good performance to predict the company that had financial problem.
Keyword : default probability, default probability model, corporate bonds, credit rating
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Opinions and discussions in papers published by the Creative Business and Sustainability Journal (CBSJ) are deemed as personal opinions and the responsibility of the writers. They are not the opinions or responsibility of the Chulalongkorn Business School of Chulalongkorn University.
Papers, content, information etc. appearing in the Journal are deemed to be the copyright property of the Chulalongkorn Business School of Chulalongkorn University. Anybody or any organization that wishes to publish any part of them or use them in any way must obtain written permission from the Chulalongkorn Business School, Chulalongkorn University.