Carbon Footprint ฉลากสินค้าเทรนด์ใหม่ที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม
Main Article Content
บทคัดย่อ
จากปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ทำให้ประเทศต่างๆ หันมาร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมในฐานะผู้ผลิต ภาคบริการในฐานะผู้ขับเคลื่อนกิจกรรม รวมถึงภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภค การลดก๊าซเรือนกระจกในส่วนของผู้บริโภคที่เชื่อมโยงกับภาคการผลิตคือ การเลือกซื้อสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลดก๊าซเรือนกระจก
สำหรับประเทศไทยได้มีการกำหนดฉลากคาร์บอน (Carbon Footprint) แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งในแต่ละระดับแสดงถึงสินค้าที่เกิดจากกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่แตกต่างกันไป หากสินค้าใดได้เบอร์ 5 หมายความว่าสินค้านั้นอยู่ในกลุ่มที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศน้อยที่สุดและเป็นสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันในต่างประเทศพยายามผลักดันให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นมาตรฐานสากล ISO 14067 ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีการบังคับมาตรฐานนี้อย่างจริงจังเพื่อเป็นการผลักดันให้ผู้ผลิตลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ และผลักดันให้สินค้าติดฉลากคาร์บอนเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการของไทยควรต้องหันมาใส่ใจและเตรียมรับมือกับมาตรการดังกล่าวเพื่อลดการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร