การส่งผู้ร้ายข้ามแดน
Main Article Content
บทคัดย่อ
ในอดีตการที่จะนำเอาตัวผู้กระทำผิดแล้วหลบหนีไปยังต่างประเทศกลับมาลงโทษให้ได้นั้น เป็นไปได้ยากแต่เมื่อเทคโนโลยีด้านต่างๆ ได้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น การคมนาคมติดต่อสื่อสารก็สามารถทำได้สะดวกรวดเร็ว จึงได้มีการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศขึ้น ทั้งในลักษณะของการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ หากไม่ได้ทำสนธิสัญญาก็มีการวางหลักเกณฑ์ที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปลงโทษไว้ เช่น ความผิดนั้นจะต้องเป็นความผิดทางอาญาที่ทั้ง 2 ประเทศถือว่าเป็นความผิดและมีอัตราโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 1 ปี และคดีไม่ขาดอายุความ และมีการกำหนดความผิดที่ไม่มีการส่งตัวในกรณีความผิดทางการเมือง ความผิดต่อศาสนา หรือความผิดทางทหาร เป็นต้น ดังนั้นเมื่อผู้กระทำความผิดได้หลบหนีไปยังต่างประเทศแล้วจึงยังมีโอกาสที่จะถูกนำตัวกลับมาลงโทษได้ แต่ในบางกรณีก็ยังอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ที่ทั้ง 2 ประเทศอาจมีการบัญญัติในเรื่องของความผิดที่แตกต่างกัน ทำให้รอดพ้นไปได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องพยายามสร้างหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาให้ทัดเทียมกันในทุกๆ ประเทศ ซึ่งในประเทศไทยในปัจจุบันก็ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 เพื่ออุดช่องว่างต่างๆ ซึ่งก็อาจจะช้าเกินไป เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายกรณีที่ไม่สามารถจะเอาผู้ที่กระทำความผิดกลับมาลงโทษได้
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร