แนวทางการพัฒนาศักยภาพภาวะผู้นำของผู้ประกอบการเพื่อการบริหารองค์กร แบบดุลยภาพธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบถึงศักยภาพภาวะผู้นำของผู้ประกอบการเพื่อการบริหารองค์กรแบบดุลยภาพธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตภาคเหนือของประเทศไทยการรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามซึ่งได้สร้างตามความมุ่งหมายและกรอบแนวคิดของการวิจัยที่กำหนดจากผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากโครงการ “สินเชื่อเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต” ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ในเขตภาคเหนือโดยกำหนดให้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 400 ราย โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบไม่ใช่ความน่าจะเป็น (Nonprobability Sampling) เนื่องจากข้อมูลในการประกอบธุรกิจมีความสำคัญและต้องให้ผู้ประกอบการสมัครใจในการเข้าร่วมโครงการ ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นำของเป็นผู้ประกอบการในภาพรวมอยู่ในระดับค่อนข้างมาก ( = 3.10, S.D. = 0.41) โดยผู้ประกอบการมุ่งการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการทำงานประจำหรือจากความรู้ที่มีภายในตัวผู้ประกอบการ การเห็นโอกาสจากการดำเนินธุรกิจและจากผู้ที่เกี่ยวข้องและเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถเสนอแนะข้อมูลให้กับฝ่ายบริหารได้ ส่วนระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารองค์กรแบบสมดุลในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 3.33, S.D. = 0.89) โดยในรายข้อแต่ละข้ออยู่ในระดับมาก ได้แก่ การติดต่อสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่และความสามารถในการทำกำไร โดยแนวทางเพื่อพัฒนาศักยภาพของภาวะผู้นำของผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการบริหารแบบสมดุลควรมุ่งเน้น 1.) สร้างบทบาทหน้าที่ของ ภาวะผู้นำอย่างผู้ประกอบการ การตัดสินใจ การรับรู้โอกาสธุรกิจอย่างผู้ประกอบการและการบริหารจัดการโอกาสทางธุรกิจอย่างผู้ประกอบการ 2.) การบริหารวิสาหกิจที่ใช้แนวทางการบริหารตามหน้าที่ การบูรณาการภาวะผู้ประกอบการกับการบริหารการตลาด การบริหารการผลิต การบริหารองค์การ และการบริหารการเงิน และ 3.) การพัฒนาภาวะผู้ประกอบการต้องมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนนโยบายการพัฒนาที่ต้องการให้แหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ ใช้งบประมาณ การติดตาม เพื่อให้เกิดผลทางตรงและมีความรวดเร็วในการพัฒนาธุรกิจ
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร