การจัดสวัสดิการชุมชนที่เหมาะสมสำหรับคนพิการหมู่ที่ 7 บ้านช่อผกาและหมู่ที่ 8 บ้านหนองเทาตำบลช่อผกา อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์
Providing appropriate community welfare for people with disabilities Village No.7, Ban Chor Phaka, and Village No. 8, Ban Nong Tao, Chor Phaka Subdistrict, Chamani District, Buriram Province
Abstract
บทคัดย่อ
วิจัยเรื่องการจัดสวัสดิการชุมชนที่เหมาะสมสำหรับคนพิการ หมู่ที่ 7 บ้านช่อผกาและหมู่ที่ 8 บ้านหนองเทา ตำบลช่อผกา อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) เพื่อศึกษาบริบทพื้นฐานคนพิการ 2) เพื่อศึกษาความต้องการคนพิการ และ 3) เพื่อหาแนวทางการจัดสวัสดิการชุมชน ทำการศึกษาในชุมชน จำนวน 269 หลังคาเรือน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษามีจำนวน 60 คน วิธีการวิจัยเชิงสำรวจโดยสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติพื้นฐานค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า ส่วนมากเป็นเพศหญิง มีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยระหว่าง 1,000-5,000 บาท สมรส และส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพ มีฐานะยากจนและใช้สิทธิจากสำนักงานประกันสังคมแห่งชาติ (สปสช.) ขณะที่ความต้องการในการจัดสวัสดิการชุมชนสำหรับคนพิการ พบว่า ด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ มีความต้องการสูงสุด รองลงมาด้านสวัสดิการชุมชนที่ได้รับจากชุมชนและภาครัฐบาล ถัดมาเป็นด้านวิถีชีวิต ความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ลำดับสุดท้ายด้านบทบาทมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม ผลวิจัยชี้ว่า แนวทางการจัดสวัสดิการชุมชนนั้น ให้มีการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชน เพื่อตอบสนองความต้องการ ด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีการสร้างเครือข่ายสนับสนุนเพื่อเอื้อให้กับคนพิการ เข้าถึงสวัสดิการ และ ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้มีความปลอดภัยสำหรับคนพิการ
คำสำคัญ: สวัสดิการชุมชน, คนพิการ
Abstract
Research on organizing community welfare that is appropriate for people with disabilities in Village No. 7, Ban Chor Phaka and Village No. 8, Ban Nong Tao, Tambon Chor Phaka, Amphoe Chamni, Buriram Province. The objectives of the study were: 1) to study the basic context of people with disabilities; 2) to study the needs of people with disabilities; and 3) to find ways to organize community welfare. The study was conducted in 269 households in the community. The sample group for the study consisted of 60 people. The research method was a systematic survey using random sampling. The tool used was a questionnaire. Data analysis used basic statistics of percentage, mean, and standard deviation.
The research found that most participants were female, with an average monthly income of 1,000-5,000 baht, were married, and were largely unemployed. They were poor and relied on benefits from the National Social Security Office (NHSO). Regarding community welfare for people with disabilities, physical and mental health were the top priority, followed by community welfare from the community and government, followed by lifestyle, well-being, and the environment, and finally, participation in social activities. The research indicated that community welfare should be established to address physical and mental health needs and be easily accessible. Support networks should be established to facilitate access to welfare for people with disabilities, and housing environments should be improved to ensure safety for people with disabilities.
Keywords: Community welfare, Disabled
References
เอกสารอ้างอิง
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ. (2563). สิทธิ/สวัสดิการ/บริการ. สืบค้น 10 มีนาคม 2567
จาก https://dep.go.th/th/rights-welfares-services
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ. (2564). สถิติการให้บริการคนพิการ. สืบค้นวันที่ 5
กรกฎาคม 2567, จาก https://sites.google.com/view/dep-stats-center/
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ. (2566). รายงานสถานการณ์คุณภาพชีวิตคนพิการของ
ประเทศไทย ประจำปี 2566. สืบค้น 24 เมษายน 2567 จาก https://dep.go.th/th/law- academic/knowledge-base/articles-research/
ณัฐนันท์ คำภา, วิไลศักดิ์ กิ่งคำ และวิภาวรรณ อยู่เย็น. (2558). อัตลักษณ์เชิงบวกแฝงนัยเชิงลบต่อคน
พิการ: ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับอัตลักษณ์ของคนพิการในสังคมไทย. วารสารมหาวิทยาลัย
ศิลปากร. ฉบับภาษาไทย ปีที่ 35(1): 125 – 148.
ทศพร แก้วขวัญไกร. (2064). เศรษฐกิจชุมชน: หุ้นส่วนการพึ่งพาตนเองผ่านแนวคิดสวัสดิการชุมชน.
วารสารสหวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์., 5(2), 1-32.
บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. (2553). สถิติวิเคราะห์เพื่อการวิจัย (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพมหานคร: จามจุรี
โปรดักท์.
มงคล เลากลาง และคณะ. (2553). โครงการศึกษารูปแบบการจัดสวัสดิการที่เหมาะสมสําหรับคน
พิการ. นครราชสีมา.
ยศพล เหลืองโสมนภา, สาคร พร้อมเพราะ และสุกัญญา ขันวิเศษ. (2554). คุณภาพชีวิตปัญหา และ
ความต้องการของผู้พิการ. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิกโรงพยาบาล
พระปกเกล้า. 28(2): 99-100.
ลุบนา นิยมเดชา, เดชา สีดูกา และณัฐริตา นาคสวาท. (2562). การเข้าถึงความต้องการสวัสดิการสังคม
สำหรับผู้พิการทุพพลภาพ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต. ใน การประชุมวิชาการราชภัฏ
รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 2 (หน้า 434-448). มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครสวรรค์.
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ. (2555). รายงานฉบับสมบูรณ์ การติดตาม
และประเมินผลแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2555-2559 (ระยะ
ครึ่งแผนแรก). สืบค้นวันที่ 22 เมษายน 2567 จาก https://dep.go.th/th/
สิน พันธุ์พินิจ. (2553). เทคนิคการวิจัยทางสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์.
องค์การบริหารส่วนตำบลช่อผกา. (2567). รายงานการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาท้องถิ่น
ประจำปี 2567. สืบค้นวันที่ 15 มีนาคม 2567,
จาก https://www.chaophaka.go.th/select_news.php?news_id=1124
อนัญญา เจียนรัมย์. (2557). ความต้องการได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการในเขตองค์การ
บริหารส่วนตำบลสนามชัย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วิทยานิพนธ์รัฐ
ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ในพระบรม
ราชูปถัมภ์.
อรรฆราม ดารอแม, ณัฐวุฒิ มะดาเระ, อับดุลอาลิฟ หะยีซอ และอิทธิชัย สีดำ. (2566). “ความต้องการ
สวัสดิการสังคมของผู้พิการในตำบลลำใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา”. วารสารการประชุม
หาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติครั้งที่ 14 มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา: 843 – 859.
อลงกรณ์ อรรคแสง. (2547). พัฒนาการการจัดโครงสร้างองค์กรปกครองท้องถิ่นของไทยเปรียบเทียบ
ต่างประเทศ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
อุทัย เพชรอยู่. (2558). พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พิมพ์ครั้งที่ 2).
โรงเรียนสังวาลย์: ขอนแก่น.
Mactaggart, I., Kuper, H., & Murthy, G. (2022). Community Support for Persons with
Disabilities in Low- and Middle-Income Countries: A Scoping Review.
International Journal of Environmental Research and Public Health, 19(13),
-19. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC9319493/
Rovinelli, R. J., & Hambleton, R. K. (1977). On the use of content specialists in the
assessment of criterion-referenced test item validity. Journal of Educational Measurement, 14(2), 49-60. https://doi.org/10.1111/j.1745-3984.1977.tb00030.x
Yamane, T. (1970). Statistics: An introductory analysis (2nd ed.). New York, NY: Harper
and Row.