การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอลโดยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้แต่ง

  • วรปรัชญ์ หวังกลาง นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา
  • จันทร์ ติยะวงศ์ อาจารย์ประจำ, วิทยาลัยนครราชสีมา

คำสำคัญ:

การจัดการเรียนรู้เชิงรุก, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอล

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนซึ่งได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยเปรียบเทียบ 2 ลักษณะ คือ ก่อนเรียนกับหลังเรียน 2) เปรียบเทียบความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอล กับเกณฑ์ 75 % รูปแบบการวิจัยเป็นแบบ One group pre-test post-test กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566โรงเรียนบ้านขามเฒ่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 12 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) จากประชากร จำนวน 34 คน ที่เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านไพ อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 22 คน และจากโรงเรียน บ้านขามเฒ่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 12 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอล โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ซึ่งผลการตรวจสอบคุณภาพมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (equation=469, S.D.=0.45) 2 ) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.60 ถึง 1.00 มีค่าความยาก (P) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.77 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.41 ถึง 0.77 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.86 3) แบบประเมินความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอล มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.78 ค่าสถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (equation) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบ t (t-test)

ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. คะแนนความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอล สูงกว่าเกณฑ์ 75 % อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

เอกสารอ้างอิง

การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และมาตรฐานการเรียนรู้ตัวชี้วัดฯ (ฉบับปรับปรุง2560). โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง. (2561). สานฝันเยาวชนไทยเล่นฟุตบอลดีได้ไปอังกฤษ. https://shorturl.asia/ORKC5.

กองยกระดับคุณภาพการศึกษาการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา. (2567). เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพื่อการดำเนินการที่เป็นเลิศ ฉบับปี 2567-2570. สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

จันทร์ ติยะวงศ์. (2562). การจัดกิจกรรมการสอนที่ผู้เรียนลงมือปฏิบัติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกระบวนการทางคณิตศาสตร์และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารการจัดการความรู้สู่การปฏิบัติที่เป็นเลิศ วิทยาลัยนครราชสีมา, 1(1).

นฤชล อรชร และคณะ. (2561). ผลของโปรแกรมการฝึกเกมสนามเล็กที่มีต่อความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 8). สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธารทิพย์ ขัวนา. (2562). การวิจัยเรื่องรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ สำหรับนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตลำปาง. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 38(2), 108-118.

ประพันธ์ เปรมศรี และไมตรี กุลบุตร. (2548). ประวัติและการตัดสินกีฬาฟุตซอล. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

พงษ์พันธ์ สุนทรสิต. (2561). ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอล. สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสุพรรณบุรี.

วรศักดิ์ เพียรชอบ. (2548). ปรัชญา หลักการ วิธีสอนและการวัดเพื่อประเมินผลทางพลศึกษา. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ไวทยา ชมภูแสน. (2563). ผลของการจัดการเรียนการสอนเชิงรุกต่อความสามารถในการแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. มหาวิทยาลัยบูรพา คณะศึกษาศาสตร์.

สมหมาย อินทะโชติ. (2564). ทักษะการส่งบอลด้วยข้างเท้าด้านในของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยเทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน. กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาโรงเรียนแคมป์สนวิทยาคม.

สุภา วัชรสุขุม. (2560). ผลการจัดการเรียนแบบใฝ่รู้(Active Learning) ที่มีต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจในการเรียนของนักศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย. คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา.

อนันต์ นวลใหม. (2562). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การทำงานเป็นทีมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่องโครงสร้างและหน้าที่เซลล์. [วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ศึกษา]. มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี.

อุทัย สงวนพงศ์. (2550). สนุกกับฟุตบอล 2. สำนักพิมพ์ บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จำกัด.

Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. (5th ed.). Harper Collins Publishers.

Johnson, D. W., Johnson, R. T., & Stanne, M. B. (2000). Cooperative learning methods: A meta-analysis. University of Minnesota.

Sokolove, P.G., & Blunck, S.M. (2008). Modeling best practices: Active learning vs. traditional lecture approach in introductory college biology. http://userpages.umbc.edu/blunnk/pdf.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

หวังกลาง ว. ., & ติยะวงศ์ จ. (2025). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะความสามารถในการรับส่งลูกฟุตบอลในกีฬาฟุตซอลโดยการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, 14(1), 127–136. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/NBU/article/view/277359

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย