ผลของการใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและกระบวนการกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือเทคนิค TAI, คะแนนความก้าวหน้า, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, กระบวนการกลุ่มบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคะแนนความก้าวหน้าจากการที่นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ซึ่งเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนกับหลังเรียนและคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนกับเกณฑ์ 75 % 3) เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของกระบวนการกลุ่มกับเกณฑ์ 75 % รูปแบบการวิจัยเป็นแบบ One group pre-test post-test กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านภูเขาลาด ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 31 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม จากประชากร จำนวน 51 คน ที่เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2566 โรงเรียนบ้านภูเขาลาด จำนวน 31 คน และจากโรงเรียนชุมชนบ้านศรีษะละเลิง จำนวน 20 คน ทั้งสองโรงเรียนอยู่ที่ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมาจังหวัดนครราชสีมาเช่นเดียวกัน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องรูปทรงหลายมิติและปริมาตรรูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด (=4.70, S.D. = 0.46) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชนิดปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.80 ถึง 1 มีค่าความยาก (P) ตั้งแต่ 0.32-0.73 ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.27-0.82 และมีค่าความเที่ยงทั้งฉบับโดยวิธีของโลเวทท์เท่ากับ 0.74 และ 3) แบบประเมินกระบวนการกลุ่มจากผู้เชี่ยวชาญประเมินมีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด (
=4.75, S.D. = 0.44) มีค่าความเที่ยงโดยวิธีแอลฟ่าครอนบัค เท่ากับ 0.81 ค่าสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบ t
ผลการวิจัย
1. คะแนนความก้าวหน้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI มีค่าเฉลี่ยรวม 25.17 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.99 อยู่ในระดับดีมาก
2. คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ 75 % อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. คะแนนเฉลี่ยของกระบวนการกลุ่มสูงกว่าเกณฑ์ 75 % อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เอกสารอ้างอิง
กัญญภัสสก์ เอกภัทร์ชัยวงษ์, ธัญญลักษณ์ เขจรภักดิ์, และ ณัฏฐชัย จันทชุม. (2022). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับ KWDL ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์ ศรีนครินทรวิโรฒ, 22(2), 113–131.
ชุติกาญจน์ พานิช. (2562). ผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือช่วยเหลือรายบุคคล (TAI) ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะทางสังคมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.
ณัฐกานต์ ชัยโย. (2565). การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และความสามารถในการทำงานกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
วราภรณ์ ศรีบุญเรือง. (2564). การใช้รูปแบบการสอนแบบร่วมมือเทคนิค TAI เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องเศษส่วน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.
สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน). (2567). รายงานสรุปผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2566. https://www.niets.or.th/th/content/view/26058
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2561). รายงานประจำปี 2561. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
สุนันท์ ฝีพาย. (2563). การพัฒนาผลการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มช่วยเหลือเป็นรายบุคคล (TAI) ร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ. ไทยวัฒนาพานิช.
สุภาพร คำพิมาย. (2556). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ การบวก ลบ คูณ หารระคน และพฤติกรรมการทำงานเป็นกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค TAI [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน]. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
สุรีพร ม่วงจำปา. (2564). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร่วมกับชุดกิจกรรมฝึกทักษะเรื่องระบบสุริยะและการปรากฏของดวงจันทร์ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 [วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน]. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.
Asmadi, A. (2006). Pengaruh model embelajaran Team assisted individualization terhadap prestasi belajar statistika mahasiswa psikologi. Jurnal Psikologi, 33(1), 1–10.
Campbell, D. T. & Stanley, J. C. (1969). Experimental and quasi-experimental designs for research. Rand McNally & Company.
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing (5th ed.). Harper Collins Publishers.
Johnson, D. W., & Johnson, R. T. (1994). Learning together and alone: Cooperative, competitive, and individualistic learning. Allyn and Bacon.
Mardiati, M., & Karmana, I. W. (2024). The Effect of the team-assisted individualization learning model on students’ science process skills and cognitive learning outcomes. PAIDAGOGIA: Jurnal Inovasi Pendidikan Dan Pembelajaran, 1(1), 7–13. https://doi.org/10.63757/pjipp.v1i1.6
Putri, R. D., & Fitria, L. (2020). Penerapan model team assisted individualization (TAI) untuk meningkatkan hasil belajar matematika siswa kelas V. Jurnal Pendidikan Matematika, 14(2), 123–134. https://doi.org/10.1234/jpm.v14i2.5678
Selvitry, R., Arnawa, I. M., & Dharma, S. (2018). The effect of team assisted individualization (TAI) learning model toward mathematical communication ability. Proceedings of the International Conference on Education Innovation (ICoIE 2018). Atlantis Press.
Slavin, R. E. (1985). Cooperative learning: Theory, research, and practice. Allyn and Bacon.
Slavin, R. E. (1995). Cooperative learning: Theory, research and practice (2nd ed.). Allyn and Bacon.
Slavin, R. E., Leavey, M., & Madden, N. A. (1984). Team assisted individualization: An experimental study of cooperative learning and individualized instruction. Journal of Educational Psychology, 76(5), 813–819.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.