แนวทางการออกแบบดิสเพลย์สำหรับผู้สูงวัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
ปัจจุบันแนวคิดการออกแบบพิพิธภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของทุกคนรวมถึงกลุ่มผู้สูงวัย ได้ถูกนำมาพิจารณากันมากขึ้น วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้ คือ 1. เพื่อวิเคราะห์และจำแนกประเภทของดิสเพลย์ภายในพิพิธภัณฑ์ 2. เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้สูงวัยที่มีต่อดิสเพลย์แต่ละประเภท โดยกลุ่มผู้ให้ข้อมูลครั้งนี้มีจำนวน 16 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง แบ่งเป็น ผู้สูงวัย 9 คน (อายุระหว่าง 60 ถึง 85 ปี) วัยทำงาน 7 คน (อายุระหว่าง 25 ถึง 50 ปี) สถานที่เก็บข้อมูล ได้แก่ พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ (ย่านบางลำพู) เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องจัดแสดงทั้งหมด 14 ห้อง และมีดิสเพลย์ครบทุกประเภท การเข้าชมพิพิธภัณฑ์จะเข้าชมเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 15-20 คน มีวิทยากรนำชม การเก็บข้อมูลเริ่มจากผู้เข้าร่วมการวิจัยทั้งหมดเข้าชมพิพิธภัณฑ์เหรียญฯ ตามปกติ ภายหลังจากการเข้าชมจะเป็นการตอบแบบสำรวจและการสัมภาษณ์ ภายในแบบสำรวจเป็นการสอบความความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อ 21 ดิสเพลย์ ใน 3 ประเด็นคือ ความสนใจอย่างยิ่ง, ความตื่นตัว และ การได้รับความรู้ โดยแบ่งเป็นข้อคำถามทั้งหมด 9 ข้อ โดยผู้วิจัยแบ่งประเภทของดิสเพลย์ออกเป็น 5 ประเภท คือ วัตถุจัดแสดง, บอร์ดข้อมูล, สื่อมัลติมีเดีย, อินเตอร์แอคทีฟ และฉากจำลอง โดยจำแนกรูปแบบเป็น 21 ดิสเพลย์ (D1-D21) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้สูงวัยที่มีต่อดิสเพลย์ พบว่า ประเภทอินเตอร์แอคทีฟ ได้รับความพึงพอใจสูงที่สุด รองลงมาคือ ฉากจำลอง, มัลติมีเดีย, วัตถุจัดแสดง และบอร์ดข้อมูล โดยที่ผู้สูงวัยจะคำนึงถึงดิสเพลย์ที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งเป็นอันดับแรก จากนั้นให้น้ำหนัก เรื่องความตื่นตัว เป็นลำดับรองลงมา นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบความพึงพอใจระหว่างกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มคนทำงาน พบว่า การเรียงลำดับของประเภทดิสเพลย์ ไม่มีความแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเจาะลึกข้อมูลของแต่ละดิสเพลย์จะพบประเด็นที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ข้อค้นพบในการวิจัยครั้งนี้จะเป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างนักออกแบบดิสเพลย์กับกลุ่มผู้สูงวัย รวมถึงกลุ่มคนวัยทำงาน และสามารถจะนำองค์ความรู้ต่อยอดไปสู่การวิจัยด้านการออกแบบพิพิธภัณฑ์สำหรับผู้สูงวัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
ชีวสิทธิ์ บุญยเกียรติ. (2559). ปฏิบัติการพิพิธภัณฑ์: บทเรียนจากคนอื่น. กรุงเทพฯ: สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ.
ชัยณรงค์ อริยะประเสริฐ และ วีรยา เอี่ยมฉ่ำ. (2556). คู่มือมาตรฐานการนำเสนอเนื้อหาของพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ในอาคาร
สาธารณะ ด้วยการออกแบบที่เป็นธรรมสำหรับทุกคน (Universal design). กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการ
สร้างเสริมสุขภาพ.
สมัชชา อภิสิทธิ์สุขสันต์. (2558). การออกแบบสื่อนิทรรศการเพื่อผู้พิการทางสายตาในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพฯ (ศป.ม.).
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สิรินธร สินจินดาวงศ์ และผุสดี กลิ่นเกสร. (2563). การเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ. การประชุมวิชาการและเผยแพร่
ผลงานวิจัยคัดสรรสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ หัวข้อ การศึกษายุค “Digital Disruption in Education”.
(น.1-15). นครราชสีมา: สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. (2546). รายงานวิจัยปฏิบัติการพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
Chatterjee, Helen J., Sonjel Vreeland, and Guy Noble. (2009). Museopathy: Exploring the healing potential of
handling museum objects. Museum and Society, 7(3), 164–177.
Cohen, Gene D., and The Center on Aging, Health & Humanities. The George Washington University (GW). (2006).
The creativity and aging study: The impact of professionally conducted cultural programs on older
adults. Washington DC: National Collaborative on Aging Faculty Publications. Accessed March 2021.
http://hsrc.himmelfarb.gwu.edu/son_ncafacpubs/2
Goulding, C .(2000). The museum environment and the visitor experience. European Journal of Marketing,
(3/4), 261-278. https://doi.org/10.1108/03090560010311849
Stephen Bitgood. (1994). Design Effective Exhibits: Criteria for Success, Exhibit Design Approaches, and Research
Strategies. Visitor Behavior, 4(4), 4-15.