ผ้าทอไทลื้อสื่อศรัทธาสู่งานหัตถศิลป์ร่วมสมัย
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาบริบทวัฒนธรรมผ้าทอไทลื้อ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประวัติ ความเป็นมา อัตลักษณ์และลวดลายผ้าทอไทลื้อ ในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย 2. เพื่อสร้างสรรค์หัตถศิลป์ร่วมสมัย ที่สื่อถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยสังเคราะห์องค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาวัฒนธรรมผ้าทอไทลื้อมาเป็นแรงบันดาลใจ พื้นที่วิจัยคือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน และจังหวัดพะเยา มีลักษณะเป็นการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ศิลปะ มีขั้นตอนสำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ส่วนของการศึกษาวัฒนธรรมไทลื้อ โดยการศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี งานวิจัย และผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้อง และส่วนที่ 2 ส่วนของการสร้างสรรค์ เป็นการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูล และนำมาสังเคราะห์ กำหนดเป็นแนวความคิด และเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัย โดยใช้เทคนิค ศิลปะสื่อผสม (Mixed media art) ในการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ร่วมสมัย (Contemporary craft Art) นำเสนอในรูปแบบพรรณนา และ ผลงานสร้างสรรค์หัตถศิลป์ร่วมสมัยผลการวิจัยพบว่า 1. ผ้าทอไทลื้อเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าในฐานะ “สัญลักษณ์แห่งกาลเวลา” เชื่อมโยงเรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบันผ่านเส้นใยที่ถักทอขึ้นด้วยแรงศรัทธาและความละเอียดปราณีตของหญิงสาวชาวไทลื้อ ลวดลายบนผืนผ้าแต่ละผืนสะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และ อัตลักษณ์ของชุมชน สามารถจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ผ้าทอที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และผ้าทอที่ใช้ในพิธีกรรม โดยมีลวดลายสำคัญจำแนกออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ลวดลายเรขาคณิต ลวดลายรูปสัตว์ ลวดลายดอกไม้พรรณพฤกษา และลวดลายคติความเชื่อ โดยเฉพาะ “ลวดลายพญานาค” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความคุ้มครอง และความอุดมสมบูรณ์ 2. องค์ความรู้จากการศึกษาถูกนำมาสังเคราะห์เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยในรูปแบบ “โคมหัตถศิลป์ร่วมสมัย” ที่สะท้อนคติความเชื่อเรื่อง “การทอตุงถวายวัด” ของหญิงชาวไทลื้อ ซึ่งแสดงออกถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่ผสมผสานวัสดุธรรมชาติเข้ากับเทคโนโลยีร่วมสมัย ใช้เส้นฝ้ายและสีอัตลักษณ์ของผ้าทอไทลื้อร่วมกับโครงสร้างโลหะและเทคนิคการตัดลวดลายแบบเลเซอร์ เพื่อให้เกิดมิติความงามสามมิติที่ส่องผ่านด้วยแสงภายใน ลวดลายพญานาคจากผืนผ้า 2 มิติ ถูกตีความใหม่เป็นองค์ประกอบบนโคมรูปทรงเรขาคณิตซ้อนชั้น สื่อถึงการยกระดับความศรัทธาจากโลกทางวัตถุสู่โลกทางจิตวิญญาณ ผลงานสร้างสรรค์ที่ได้จึงสะท้อนการบูรณาการระหว่าง “ความเชื่อ แสง วัสดุ” อย่างมีเอกภาพ เกิดคุณค่าทั้งเชิงสุนทรียะและเชิงวัฒนธรรม อันแสดงให้เห็นศักยภาพของภูมิปัญญาผ้าทอไทลื้อในการต่อยอดสู่แนวทางการออกแบบหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ยังคงรักษารากทางวัฒนธรรมไว้ได้อย่างงดงามและร่วมสมัยซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งในการต่อยอดจาก ดุษฎีนิพนธ์เรื่อง “ผ้าทอไทลื้อสื่อศรัทธาสู่ศิลปะร่วมสมัย” และการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัยและนวัตกรรม จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ประเภททุนพัฒนานักวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา ประจำปี 2565 จึงขอขอบพระคุณสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่ให้ทุนสนับสนุนการศึกษาดุษฎีนิพนธ์ในครั้งนี้ได้สำเร็จ ลุล่วงตามวัตถุประสงค์ของการศึกษาด้วยดี
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Amnuay-ngerntra, S. (2016). Community development through public art event in Ratchaburi, Thailand. ใน A. Jepson และ A. Clarke (บรรณาธิการ), Managing and Developing Communities, Festivals and Events (หน้า 90-102). ลอนดอน: Palgrave Macmillan.
Bhabha, H. K. (1994). The location of culture. London: Routledge.
Cholsiri, ด.วิสาข์. (2019). Participatory art in Thai society and its hidden power. Veridian E-Journal มหาวิทยาลัยศิลปากร, 12(6), 1-20.
Collier, M. J. และ Thomas, M. (1988). Cultural identity: An interpretive perspective. ใน Y. Kim และ W. Gudykunst (บรรณาธิการ), Theories in intercultural communication (หน้า 99-120). นิวบิวรีพาร์ก แคลิฟอร์เนีย: Sage.
Hall, S. (1990). Cultural identity and diaspora. ใน J. Rutherford (บรรณาธิการ), Identity: Community, culture, difference (หน้า 222-237). ลอนดอน: Lawrence & Wishart.
ResearchGate. (2018). Cultural reproduction theory by Pierre Bourdieu. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2567, จาก https://www.researchgate.net/publication/327898225_Cultural_Reproduction_Theory
ทรงศักดิ์ ปรางค์วัฒนากุล. (2551). มรดกวัฒนธรรมผ้าทอไทลื้อ. เชียงใหม่: ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
บานจิต สานรอคำ. (2559). โครงการศึกษาภูมิปัญญาการย้อมฝ้ายด้วยสีจากธรรมชาติของผู้หญิงไทลื้อ: บ้านดอนมูล ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน. เชียงใหม่: ศูนย์เรียนรู้ชาติพันธุ์ไทในล้านนา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
รมิดา รอดสุข. (2553). การทอผ้ารวดลายแบบดั้งเดิมของไทยลื้อ:กรณีศึกษาลายผ้าห่มตำก้าว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา (การค้นคว้าอิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาอาชีวศึกษา). คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.