ความท้าทายและโอกาสของตลาดออนไลน์: งานหัตถกรรมทองเหลืองในพื้นที่ศึกษารัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดียและจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจนถึงสมัยแห่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
Main Article Content
บทคัดย่อ
หัตถกรรมอุตสาหกรรมมีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของชาวชนบททั้งในประเทศอินเดียและประเทศไทย การพัฒนางานหัตถกรรมหล่อทองเหลืองแบบสูญขี้ผึ้งเป็นความท้าทายและโอกาสสำหรับตลาดออนไลน์ในปัจจุบัน งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบงานหล่อทองเหลืองแบบสูญขี้ผึ้งระหว่างรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย กับจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย โดยการสำรวจภาคสนามในประเทศไทยและรวบรวม ทั้งสังเคราะห์และวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลภาคเอกสารและข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะข้อมูลในประเทศอินเดีย ซึ่งพบว่าทั้งอินเดียและไทยมีงานหล่อทองเหลืองแบบสูญขี้ผึ้ง โดยใช้เทคนิคการหล่อโลหะแบบดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุด ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ รัฐบาลอินเดียสนับสนุนสภาหัตถกรรมอินเดีย ที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2507 เป็นสมาคมที่ไม่แสวงหาผลกำไรในการพัฒนาและช่วยการตลาดงานหัตถกรรมอินเดีย ซึ่งรวมงานหล่อทองเหลืองแบบสูญขี้ผึ้ง ในขณะที่ประเทศไทยเพิ่งก่อตั้ง SACICT ในปี 2546 ขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจแบบเดียวกัน
ตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมาจนถึงยุคการระบาดใหญ่ของโรคโควิด 19 (ค.ศ.2019-2021) งานหล่อทองเหลืองแบบสูญขี้ผึ้งของประเทศอินเดียเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าประเทศไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยมีการส่งเสริมการตลาดออนไลน์ สร้างมูลค่าเพิ่มจากมุมมองประวัติศาสตร์ และเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ การพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ของประเทศอินเดียก็ก้าวไปเร็วกว่าประเทศไทย ด้วยช่างฝีมือไทยยังคงยึดกับงานอนุรักษ์แบบดั้งเดิม แม้ว่านักวิชาการไทยจะพยายามช่วยในกระบวนการทางเทคโนโลยีและการพัฒนาการออกแบบ ในปัจจุบันนี้การตลาดออนไลน์นั้นมีหลากหลายบริการ เช่น Facebook, Line, Instagram, WhatsApp, WeChat ฯลฯ จึงเป็นความท้าทายและโอกาสสำหรับตลาดหัตถกรรมทั้งในประเทศอินเดียและประเทศไทย
คำสำคัญ: ตลาดออนไลน์, งานหัตถกรรมทองเหลือง, ประเทศอินเดีย, ประเทศไทย, โควิด 19
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกบทความเป็นลิขสิทธิ์ของสถาบันเอเชียศึกษา ดูตัวอย่างอื่นประกอบเอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
กิตบดินทร์ ภูมิภาค, ธีระพล เสนคราม, และ ปรีชา สะอาด. 2556. การสร้างและออกแบบตู้ ลดปริมาณ
ความชื้นในแม่พิมพ์เครื่องทองเหลือง (ภาคนิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัย
ราชภัฏอุบลราชธานี.
ชัชวาล ขันติคเชนชาติ. 2555. “การประยุกต์ใช้เทคนิคภาพเสมือนสามมิติโฮโลแกรมจำลองผลิตภัณฑ์
ทองเหลือง ของศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมหล่อทองเหลืองบ้านปะอาว ตำบลปะอาว อำเภอเมือง
จังหวัด อุบลราชธานี”. วารสารวิทยาศาสตร์ คชสาส์น. สุรินทร์: คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
ดลฤดี จันทร์แก้ว, วรินดา สุทธิพรม, และ วันวิสา มากดี. 2557. การพัฒนาองค์ความรู้ตามแนวทาง
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ กรณี: กลุ่มเครื่องทองเหลืองบ้านปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี.
กรุงเทพฯ: รายงานการวิจัยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม.
นริศรา สารีบุตร, วศิน เนียมหอม, วัชระชัย บุญน้อย, ยุทธศักดิ์ สัณฑมาศ. 2560.“การพัฒนาเครื่องประดับ
ทองเหลืองตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น กรณีศึกษา ศูนย์อนุรักษ์หัตถกรรมทองเหลืองบ้านปะอาว
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี”. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
ปุลณัช เดชมานนท์. 2556. “การตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านสื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ในช่วงเวลาจำกัด.”
วิทยานิพนธ์ บธ.ม., มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ปทุมธานี.
พระครูสุตบูรพาสถิต และ เสนอ ภิรมจิตรผ่อง. 2555.“แนวทางการอนุรักษ์และเพิ่มมูลค่าหัตถกรรม
ทองเหลือง บ้านปะอาว ตำบลปะอาว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี”. วารสารวิชาการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
ศิริวรรณ เสรีรัตน์, ปริญ ลักษิตานนท์ และ ศุภร เสรีรัตน์. 2552. การบริหารตลาดยุคใหม่. กรุงเทพฯ:
เพชรจรัสแสงธุรกิจ.
สักรินทร์ อินทรวงศ์, เกรียงศักดิ์ เชียวมั่ง, ศักดิ์ชาย สิกขา. 2563. “ศิลปหัตถกรรมทองเหลือง บ้านปะอาว:
การอนุรักษ์และพัฒนา เพื่อต่อยอดภูมิปัญญาหัตถกรรมชุมชน”. วารสารศิลปกรรมบูรพา. ชลบุรี:
สำนักงานคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุริยา โชคสวัสดิ์. 2551. หัตถกรรมทองเหลืองบ้านปะอาว มรดกทางศิลปวัฒนธรรมจากภูมิปัญญาโบราณ.
อุบลราชธานี: ภาควิชาวิศวกรรม อุตสาหกรรม: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
เสาวนีย์ ศรีจันทร์นิล. 2560. “ส่วนประสมทางการตลาดออนไลน์ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ผ่าน
ทางอินเทอร์เน็ตของผู้บริโภค ในเขตจังหวัดนนทบุรี.” วิทยานิพนธ์ บธ.ม., มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
ภาษาต่างประเทศ
Guin, Debarshi. 2013.“Marketing of Dokra Handicrafts and Livelihood status of the Artisans: A
case study of Bankura District”, Indian Journal of Landscape systems and Ecological
studies, Vo.36, No-1.
Kundu, Payel. 2016. “Current Status of Dokra Craft in Bikna: A Case Study of Bankura District,
West Bengal, India”. The International Journal of Humanities & Social Studies (ISSN
-9203).
Mukherjee, Diya. 2016. “A Comparartive Study of Dokra Metal Craft Technology and Harappan
Metal Craft Technology”. Journal of Multidisciplinary Studies in Archaeology 4.
Renu and Anupama. 2018. “Digitalisation: An Aid in Marketing of Handicrafts”. Journal of
Emerging Technologies and Innovative Research. 5(1).
Samanta, Raj Kumar. 2015.“Socio-economic status of Dokra Artisans’-a case study of Burdwan
District, West Bengal, India”. International Journal of Current Research and
Academic Review (ISSN: 2347-3215).
Sinha, Sanghamitra, Chakrabortty, Druheen, and Sinha, Malavika. 2015. “Dhokra: A Traditional
Craft of Rural India”. International Journal of History and Cultural Studies (IJHCS).