การศึกษาเอกลักษณ์และสุนทรียภาพของภาพยนตร์แอนิเมชันไทย ระหว่าง พ.ศ.2545-2558
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาองค์ประกอบและโครงสร้างของภาพยนตร์แอนิเมชันในประเทศไทยระหว่างพ.ศ. 2545-2558 โดยใช้การศึกษาเอกสารเพื่อนำไปสร้างคำถามเพื่อสัมภาษณ์ผู้ผลิตผลงาน นำมาสังเคราะห์ให้ได้เอกลักษณ์และสุนทรียภาพ จากนั้นจึงตรวจสอบความถูกต้องโดยการนำเสนอข้อมูลผ่านการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ สรุปประเด็นได้คือ ภาพยนตร์แอนิเมชันไทยรวมทั้งหมด 9 เรื่อง มีเอกลักษณ์แนวทางลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจนสามารถนำเสนอความเป็นไทยได้ชัดเจน ประกอบด้วยสุนทรียภาพด้านเนื้อหาดังนี้ แนวคิดหลักสร้างเรื่องจากวรรณคดีหรือใช้เรื่องที่เป็นที่รู้จักมาเล่าใหม่ แก่นเรื่องมีความหลากหลาย โดยไม่ได้ยึดตามแนวคิดหลักของภาพยนตร์ แนวเรื่องของภาพยนตร์เกือบทั้งหมดใช้แนวครอบครัว-ผจญภัย โครงเรื่องนิยมใช้แบบ 1 โครงเรื่องแบบไม่มีความสลับซับซ้อน เหตุการณ์ต่างๆในเรื่องพัฒนาไปตามขั้นตอนการเล่าเรื่อง ใช้ปมความขัดแย้งระหว่างตัวละครกับตัวละครเป็นหลัก มิติความลึกของตัวละครส่วนใหญ่มีมิติเดียว มีการสอดแทรกคุณธรรมและจริยธรรมในเนื้อหา คือการใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหามากกว่าพละกำลัง เพื่อจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เน้นความกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับความกลัว และความเพียรพยายามจะนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับด้านสุนทรียภาพด้านการออกแบบ ลักษณะของภาพยนตร์สร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์แอนิเมชัน 3 มิติ ในรูปแบบผสมผสานการตัดทอนและรูปแบบภาพเหมือนจริง ลักษณะของการออกแบบบุคลิกลักษณะตัวละครใช้การลดทอนรูปร่างให้มีลักษณะบิดผัน รูปทรงโดยรวมมีความกลมมน และมีความเป็นสากลไม่บ่งบอกความเป็นไทยแบบชัดเจน การออกแบบฉากหลังใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมไทยมีลักษณะของการใช้ภาพแบบเหมือนจริง โดยใช้ภาพจิตรกรรมของไทยเป็นต้นแบบในการลงสี การเคลื่อนไหวเป็นการสร้างบนพื้นที่ 3 มิติ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในอัตราส่วนการเคลื่อนไหวจำนวน 24 เฟรมต่อ 1 วินาที เสียงพากย์นิยมใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียง เนื่องจากจะสื่อสารทางอารมณ์และเอื้อประโยชน์สำหรับการทำแอนิเมชัน เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชันนิยมแต่งขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เข้ากับเนื้อหาและกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์
Article Details
บทความที่นำมาสมัครลงตีพิมพ์ในวารสารต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่มาก่อน และไม่ส่งต้นฉบับบทความซ้ำซ้อนกับวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนบทความต้องไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น