การส่งบทความ
เกณฑ์การเตรียมต้นฉบับบทความ
รูปแบบบทความวิจัย
- 1. บทความจะต้องไม่เคยผ่านการลงตีพิมพ์ในวารสารใดมาก่อน หรือกรณีที่บทความนั้นมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือพาดพิงกับหน่วยงานหรือองค์กรใด ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากองค์กรนั้น
- 2. บทความอาจเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เนื้อเรื่องมีความยาวประมาณ 10-15 หน้า (รวมบรรณานุกรม)
- 3. ชื่อเรื่อง ไม่ยาวเกินไป แต่ครอบคลุมสาระทั้งเรื่อง ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ
- 4. ผู้เขียนบทความทุกคนต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน
- ชื่อ - นามสกุลของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์ตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษใต้ชื่อเรื่อง
- อีเมล (Email) และสถานที่ทำงานของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์เชิงอรรถ (Footnote) หน้าแรกของบทความ
- 5. บทคัดย่อ และ Abstract เป็นการสรุปสาระสำคัญของเรื่อง กรณีบทความวิจัยภาษาไทย ให้เขียนบทคัดย่อภาษาไทย แล้วตามด้วยบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) และกรณีบทความวิจัยเป็นให้เขียนบทคัดย่อภาษาอังกฤษแล้วตามด้วยบทคัดย่อภาษาไทย ทั้งนี้ บทคัดย่อ ความยาวไม่ควรเกิน 10 บรรทัด และ Abstract ความยาวไม่ควรเกิน 10 บรรทัด
- 6. คำสำคัญต่อท้ายบทคัดย่อ และ Keywords ต่อท้าย Abstract ควรมีไม่เกิน 5 คำ
- 7. เนื้อหา ให้จัดพิมพ์ 1 คอลัมน์
7.1 ผลงานวิจัย เนื้อหาควรประกอบด้วย
- บทนำ อธิบายถึงความสำคัญและเหตุผลที่ทำการวิจัย รวมทั้งการตรวจเอกสาร (Literature Review) และวัตถุประสงค์ในการตรวจเอกสารนั้น
- วัตถุประสงค์การวิจัย
- วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง/การทบทวนวรรณกรรม
- วิธีดำเนินการวิจัย
- เครื่องมือและวิธีการ อธิบายเป็นร้อยแก้วถึงอุปกรณ์และวิธีการที่ใช้ในการทดลอง
- การเก็บข้อมูล ระบุวิธีการ สถานที่ และช่วงเวลาการเก็บข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูล
- ผลการวิจัยและอภิปรายผล อาจเขียนรวมหรือแยกกันก็ได้ ควรเรียงลำดับเนื้อหา สั้น
กะทัดรัดควรเสนอในรูปตาราง กราฟ หรือภาพ (คำอธิบายตาราง กราฟ อาจจะเป็น
ภาษาไทย หรืออังกฤษก็ได้) การวิจารณ์ผลการวิจัยเพื่อให้ผู้อ่านเห็นด้วยตามหลักการหรือ
คัดค้านทฤษฎีที่มีอยู่เดิมเปรียบเทียบการทดลองของผู้อื่น ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการวิจัยในอนาคต
- ข้อเสนอแนะ
- บรรณานุกรม***
รูปแบบบทความวิชาการ
- 1. บทความจะต้องไม่เคยผ่านการลงตีพิมพ์ในวารสารใดมาก่อน หรือกรณีที่บทความนั้นมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือ พาดพิงกับหน่วยงานหรือองค์กรใด ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากองค์กรนั้น
- 2. บทความอาจเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เนื้อเรื่องมีความยาวประมาณ 10-15 หน้า
(รวมบรรณานุกรม)
- 3. ชื่อเรื่อง ไม่ยาวเกินไป แต่ครอบคลุมสาระทั้งเรื่อง ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ
- 4. ผู้เขียนบทความทุกคนต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เขียน
(1) ชื่อ - นามสกุลของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์ตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษใต้ชื่อเรื่อง
(2) อีเมล (Email) และสถานที่ทำงานของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์เชิงอรรถ (Footnote) หน้าแรกของ บทความ
- 5. บทคัดย่อ และ Abstract เป็นการสรุปสาระสำคัญของเรื่อง กรณีบทความวิจัยภาษาไทย ให้เขียนบทคัดย่อภาษาไทย แล้วตามด้วยบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) และกรณีบทความวิจัยเป็นภาษาอังกฤษให้เขียนบทคัดย่อภาษาอังกฤษ (Abstract) แล้วตามด้วยบทคัดย่อภาษาไทย ทั้งนี้ บทคัดย่อ ความยาวไม่ควรเกิน 10 บรรทัด และ Abstract ความยาวไม่ควรเกิน 10 บรรทัด
- 6. คำสำคัญต่อท้ายบทคัดย่อ และ Keywords ต่อท้าย Abstract ควรมีไม่เกิน 5 คำ
- 7. เนื้อหา ให้จัดพิมพ์ 1 คอลัมน์
7.1 บทความวิชาการเนื้อหาควรประกอบด้วย
- บทนำ/ส่วนนำ (Introduction) ได้แก่ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ และขอบเขตของเรื่อง
- เนื้อหาสาระ
- การวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ และการนำเสนอความคิดของผู้เขียน ควรมีการนำเสนอความคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งอาจออกมาในลักษณะของการวิเคราะห์ วิจารณ์ ข้อมูล เนื้อหาสาระให้เป็นประเด็นที่เป็นส่วนของการริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้เขียน หรือความเหมาะสมกับลักษณะเนื้อหาของเรื่องนั้น ๆ
- บทสรุป เป็นการสรุปสาระของรายละเอียดในเนื้อหา หรือเสนอเป็นข้อสังเกต ข้อเสนอแนะต่อเนื้อหา การสรุปจะเน้นประเด็นสำคัญหรือประเด็นหลักทำให้ผู้อ่านเห็นภาพในส่วนของเนื้อหาได้
- บรรณานุกรม***ดูตามลิ้งค์ด้านล่าง***
รูปแบบบทความ
|
รูปแบบบทความวิจัย |
รูปแบบบทความวิชาการ |
|
ชื่อเรื่อง ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ |
ชื่อเรื่อง ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ |
|
ชื่อ – นามสกุลผู้เขียนบทความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีเมล (Email) และสถานที่ทำงานของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์เชิงอรรถ (Footnote) หน้าแรกของ บทความ |
ชื่อ – นามสกุลผู้เขียนบทความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีเมล (Email) และสถานที่ทำงานของผู้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยพิมพ์เชิงอรรถ (Footnote) หน้าแรกของ บทความ |
|
บทคัดย่อ และ Abstract |
บทคัดย่อ และ Abstract |
|
คำสำคัญ และ Keywords |
คำสำคัญ และ Keywords |
|
เนื้อหา ควรประกอบด้วย - บทนำ (Introduction) อธิบายถึงความสำคัญและ เหตุผลที่ทำการวิจัย - วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง/การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) - วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objective) - วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methods) - เครื่องมือและวิธีการ - การวิเคราะห์ข้อมูล - ผลการวิจัยและอภิปรายผล (Results and Discussion) อาจเขียนรวมหรือแยกกันก็ได้ ควรเรียงลำดับเนื้อหา สั้น กะทัดรัด ควรเสนอในรูปตาราง กราฟ หรือภาพ (คำอธิบายตาราง กราฟ อาจจะเป็นภาษาไทย หรืออังกฤษก็ได้) การวิจารณ์ผลการวิจัยเพื่อให้ผู้อ่านเห็นด้วยตามหลักการหรือคัดค้านทฤษฎีที่ มีอยู่เดิมเปรียบเทียบการทดลองของผู้อื่น ตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาการวิจัยในอนาคต - สรุปผลการวิจัย - ข้อเสนอแนะ (Suggestion) |
เนื้อหา ควรประกอบด้วย - บทนำ/ส่วนนำ (Introduction) ได้แก่ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ และขอบเขตของเรื่อง - เนื้อหาสาระ - การวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ และการนำเสนอความคิดของผู้เขียน ควรมีการนำเสนอความคิดเห็นของผู้เขียน ซึ่งอาจออกมาในลักษณะของการวิเคราะห์ วิจารณ์ ข้อมูล เนื้อหาสาระ ให้เป็นประเด็นที่เป็นส่วนของการริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้เขียน หรือความเหมาะสมกับลักษณะเนื้อหาของเรื่องนั้น ๆ - บทสรุป เป็นการสรุปสาระของรายละเอียดใน เนื้อหา หรือเสนอเป็นข้อสังเกต ข้อเสนอแนะต่อเนื้อหา การสรุปจะเน้นประเด็นสำคัญหรือประเด็นหลักทำให้ผู้อ่านเห็นภาพในส่วนของเนื้อหาได้
|
|
บรรณานุกรม (Reference)*** |
บรรณานุกรม (Reference)*** |
หมายเหตุ *** (ดูรายละเอียดและตัวอย่างเพิ่มเติมในหัวข้อ “การเขียนอ้างอิง”)
- 8. การอ้างภาพหรือตารางขอให้ใส่ที่มา เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ (หากมีการฟ้องร้องจะเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงผู้เดียว ทางวารสารจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น) และอ้างอิงเป็นแบบแทรกปนในเนื้อหา (In-text Citation) และการเขียนบรรณานุกรมขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษตามรูปแบบของวารสาร BU Academic Review (รูปแบบ APA) http://buacademicreview.bu.ac.th/reference.html โดยแปลงการอ้างอิงภาษาไทยเป็นภาษาโรมันและใส่คำแปลภาษาอังกฤษ
- 9. การใช้คำศัพท์เฉพาะทางวิชาการ ควรดำเนินการดังนี้
- 1 ใช้คำภาษาอังกฤษที่มีใช้ในภาษาไทยอย่างแพร่หลายให้เขียนเป็นภาษาไทยตามหลักการเขียนในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเล่มล่าสุด โดยไม่ต้องวงเล็บแสดงภาษาอังกฤษประกอบ เช่น อินเทอร์เน็ต ออนไลน์ เป็นต้น
- 2 กรณีคำภาษาอังกฤษยังใช้ไม่แพร่หลายให้เขียนคำแปลหรือเขียนคำอ่านทับศัพท์พร้อมวงเล็บภาษาอังกฤษและอักษรย่อ (ถ้ามี) เช่น เครื่องรับรู้ชีวภาพ (biosensor) ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Theory Planned Behavior: TPB) การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain Based Learning: BBL)
- 3 การเขียนคำภาษาอังกฤษในวงเล็บ ควรเขียนในครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ไม่ควรวงเล็บคำนั้นไว้ทุกที่ และข้อความหรือคำภาษาอังกฤษที่อยู่ในวงเล็บต้องใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด ยกเว้นคำที่จะมีอักษรย่อ หรือคำเฉพาะ
- 4 กรณีที่คำที่ใช้มีอักษรย่อภาษาอังกฤษ ให้ระบุคำเต็มและอักษรย่อในครั้งแรก ครั้งต่อไปให้ใช้เพียงอักษรย่อได้ เช่น ครั้งแรกเขียนว่า “ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน (Theory Planned Behavior: TPB)” ครั้งต่อมาใช้ TPB เป็นต้น
- 10. ต้นฉบับสามารถส่งได้ทางระบบออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ (http://buacademicreview.bu.ac.th) โดยกองบรรณาธิการจะพิจารณาเบื้องต้น ก่อนนำเสนอผู้ทรงคุณวุฒิไม่น้อยกว่า 3 ท่าน ในการพิจารณาบทความเพื่อประเมินคุณภาพและความเหมาะสม เมื่อผู้เขียนได้รับผลการประเมิน จะต้องปรับปรุงหรือแก้ไขให้แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งบทความจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการจึงจะได้การตอบรับการตีพิมพ์ลงในวารสาร BU Academic Review
การเขียนอ้างอิง
รูปแบบการเขียนอ้างอิงในเนื้อหาและบรรณานุกรม ![]()
การแปลบรรณานุกรมภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ![]()
โดยเริ่มใช้ใน วารสาร ฺBU Academic Review ปีที่ 14 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป