การวิเคราะห์กลไกความร่วมมือของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) พ.ศ. 2557-2566
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์กระบวนการก่อตัว วิธีคิด และการออกแบบคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ระหว่าง พ.ศ. 2557–2566 (2) ศึกษาตัวแสดงและบทบาทที่เกี่ยวข้อง และ (3) เสนอรูปแบบการพัฒนากรอ. งานวิจัยเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยใช้การสัมภาษณ์กึ่งมีโครงสร้างและการวิเคราะห์เอกสาร ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 10 คน ประกอบด้วยตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการ ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1) รูปแบบและความจำเป็นในการก่อตั้ง กรอ. ที่มาจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของภาคเอกชนซึ่งเข้าใจปัญหาเชิงปฏิบัติได้ดีกว่าภาครัฐ 2) การเผชิญบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่เปลี่ยนแปลง ทำให้รูปแบบการทำงานและช่องทางสื่อสารของกรอ. ที่ต้องปรับตัว 3) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากบทบาทของพรรคการเมืองก่อน พ.ศ. 2557 และการจำกัดบทบาทของ กรอ. ในช่วงเวลาหนึ่ง และ 4) ความสำเร็จและข้อจำกัดที่ผูกพันกับพื้นที่การประชุม ครม.สัญจร ส่งผลให้ข้อเสนอจากพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นเจ้าภาพประชุมมักไม่ได้รับการผลักดัน ส่วนบทบาทของตัวแสดงใน กรอ. ต้องอาศัยการประสานงานล่วงหน้าระหว่างภาคเอกชนกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และต้องให้เวลาหน่วยงานพิจารณาโดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับมิติความมั่นคง ภาครัฐไม่ได้มีอำนาจเหนือภาคเอกชนเสมอไปเนื่องจาก กกร. เป็นภาคเอกชนที่เข้มแข็งและมีอิทธิพลทางสังคมและการเมือง ตัวแบบการพัฒนากรอ. ที่สรุปได้มี 7 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) การกำหนดนโยบายตอบสนองสังคม 2) การส่งเสริมความร่วมมือ 3) การประสานงานเชิงนโยบาย 4) การสนับสนุนทรัพยากร 5) การตรวจสอบและติดตามผล 6) การส่งเสริมนวัตกรรมและการปรับปรุงนโยบาย และ 7) การสร้างความยั่งยืนของนโยบายสาธารณะ ข้อเสนอเชิงนโยบายจึงควรเน้นการสร้างกลไกประสานงานที่ชัดเจน เพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณา และขยายช่องทางการสื่อสารกับประชาชนเพื่อให้ข้อเสนอจากทุกพื้นที่ได้รับการพิจารณาอย่างเป็นรูปธรรม
เอกสารอ้างอิง
ณัตถยา สุขสงวน. (2565). การเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองของอเนก เหล่าธรรมทัศน์: การแสวงหาความหมายใหม่ของ “ประชาธิปไตย”. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วรเดช จันทรศร. (2543). การบริหารโครงการพัฒนาของรัฐ (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สหายบล็อกและการพิมพ์.
Ansell, C., & Gash, A. (2008). Collaborative Governance in Theory and Practice Journal of Public Administration Research and Theory, 8, 543-571.
Dorraj, M. (2017). Populism and Corporatism in the Middle East and North Africa: a Comparative Analysis in Chinese Political Science Review Volumes 2 page 288-313.
Hewison, K. (2019). Crazy Rich Thais: Thailand’s Capitalist Class, 1980–2019. In Journal of Contemporary Asia Volumes 51 page 262-277.
Perraton, J. (2018). Social Corporatism and Capital Accumulation: The Fate of the Nordic Model. in Intereconomics Volumes 53 page 196-201.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเอเชียตะวันออกและอาเซียนศึกษา

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ตีพิมพ์ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทัศนะและข้อคิดเห็นจาก บทความในวารสารเป็นของผู้เขียน ไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของคณะผู้จัดทำและศูนย์การเมือง สังคม และอาณาบริเวณศึกษา การนำบทความในวารสารไปตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตจาก กองบรรณาธิการ