มาตรการคุ้มครองบุคคลภายนอกซึ่งทำนิติกรรมโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ก่อนมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

Main Article Content

ปนัสยา บุษบา

บทคัดย่อ

              การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายเป็นกระบวนการที่จะดำเนินการรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ แล้วนำมาจัดสรรปันส่วนให้กับบรรดาเจ้าหนี้ของลูกหนี้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามสัดส่วนแห่งหนี้ (Pari passu) อันเป็นการแก้ปัญหาของคดีแพ่งสามัญที่ใช้หลักผู้ใดฟ้องก่อนผู้นั้นย่อมได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ก่อน (First come First serve) ซึ่งทำให้บรรดาเจ้าหนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น วิธีการที่จะทำให้ทรัพย์สินของลูกหนี้ไม่ลดน้อยถอยลงไปกว่านี้ คือ การจำกัดอำนาจของลูกหนี้ในการจัดการทรัพย์สิน โดยให้อำนาจดังกล่าวอยู่กับคนกลางในการดำเนินการเพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ อันไม่ก่อให้เกิดการเสียเปรียบ มิเช่นนั้นแล้วลูกหนี้อาจดำเนินการจัดการหรือยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินของตน เพื่อมิให้บรรดาเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมตามสัดส่วนแห่งหนี้ ดังนั้น กฎหมายล้มละลายจึงได้จำกัดอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ในระหว่างที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 จนกว่าลูกหนี้จะสิ้นสุดการล้มละลาย ไม่ว่าด้วยวิธีการประนอมหนี้ การยกเลิกการล้มละลาย หรือการปลดจากล้มละลาย แล้วแต่กรณี โดยให้อำนาจดังกล่าวตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการเข้ามาดำเนินการในระหว่างที่ลูกหนี้ถูกจำกัดอำนาจนั้น ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งลูกหนี้ถูกจำกัดอำนาจในการจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สิน เริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 หากลูกหนี้ฝ่าฝืนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนในลักษณะที่ทำให้ทรัพย์สินลดน้อยลง การดังกล่าวนั้นศาลได้ตีความว่าย่อมตกเป็นโมฆะ ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ประกอบมาตรา 150 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แม้ว่าบุคคลภายนอกได้เข้าทำการนั้นกับลูกหนี้โดยสุจริตก็ตาม


                   วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จึงพิจารณาศึกษาปัญหาว่าบุคคลภายนอกจะได้รับความคุ้มครองอย่างไร เหตุเพราะบทบัญญัติในมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้กำหนดให้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งมีผลเป็นการจำกัดอำนาจในการจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นต้องประกาศราชกิจจานุเบกษาและโฆษณาลงหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 1 ฉบับหรือทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กล่าวคือทางเว็บไซต์ของกรมบังคับคดี (www.led.go.th)ตามที่ปรากฏในมาตรา 148/1 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งทั้งสองมาตราดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงฐานะและความสามารถของลูกหนี้ในส่วนที่เกี่ยวด้วยกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ว่าในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้นลูกหนี้มีฐานะที่ไม่สามารถจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนได้ เพื่อให้ประชาชนได้ระมัดระวังในการทำนิติกรรมหรือการใด ๆ กับลูกหนี้จึงเป็นประเด็นนำมาสู่การพิจารณาศึกษาเพื่อดำเนินการหาแนวทางอันเป็นมาตรการในการคุ้มครองบุคคลภายนอก ซึ่งเข้าทำนิติกรรมกับลูกหนี้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แต่ก่อนที่จะมีการประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษา


            ผู้เขียนได้ดำเนินการศึกษากฎหมายล้มละลายของประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเนเธอร์แลนด์ อีกทั้งแนวทางการร่างกฎหมายล้มละลายของ UNCITRAL (UNCITRAL Legislative Guide on Insolvency Law) ซึ่งกฎหมายล้มละลายของประเทศเหล่านี้ได้มีมาตรการคุ้มครองบุคคลภายนอกซึ่งทำนิติกรรมโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แต่ก่อนที่จะมีการประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษา นอกจากนี้ แนวทางการร่างกฎหมายล้มละลายของ UNCITRAL ยังได้อธิบายและให้ข้อเสนอแนะกรณีดังกล่าว ดังนั้นผู้เขียนจึงเห็นว่ากฎหมายล้มละลายของประเทศไทยควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมายล้มละลายในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เพื่อสร้างมาตรการในการคุ้มครองบุคคลภายนอกหรือบุคคลที่สามที่ได้เข้าทำนิติกรรมกับลูกหนี้ภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ แต่ก่อนมีการประกาศโฆษณาโดยครบถ้วนตามที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อให้การคุ้มครองบุคคลภายนอกและบุคคลที่สามมิให้เสียหาย อีกทั้งเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับมาตรฐานในการให้ความคุ้มครองตามแนวทางร่างกฎหมายล้มละลายของ UNCTRAL รวมถึงของนานาอารยประเทศ กอปรกับกำหนดแนวทางการประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด อันเหมาะสมแก่สภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคมในปัจจุบัน

Article Details

ประเภทบทความ
Articles

เอกสารอ้างอิง

1. กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม. แนวทางการร่างกฎหมายล้มละลายของคณะกรรมาธิการว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (UNCITRAL). นนทบุรี : บริษัทสหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด,2551.
2. จักรปาณีศรีศิลวิสุทธิ์, หลวง.กฎหมายลักษณะล้มละลาย. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง, 2478.
3. ประสิทธิ์โฆวิไลกุล.คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจัดการงานนอกสั่งลาภมิควรได้. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : นิติธรรม, 2557.
4. ปรีชา พานิชวงศ์. คำอธิบายกฎหมายล้มละลาย. กรุงเทพมหานคร : นิติบรรณาการ, 2548.
5. ศนันท์กรณ์ โสตถิพันธุ์, คำอธิบายนิติกรรม สัญญา.พิมพ์ครั้งที่ 21. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์วิญญูชน, 2560.
6. สุธีร์ศุภนิตย์. หลักกฎหมายล้มละลายและฟื้นฟูกิจการ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพมหานคร : วิญญูชน, 2556.
7. วรรณชัย บุญบำรุง. “หลักทั่วไปของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งของฝรั่งเศส.” วารสารนิติศาสตร์, ฉบับที่ 1 ปีที่ 30, (มีนาคม 2543): 78-112.
8. Henry Campbell Black.BLACK'S LAW DICTIONARY. 4th edition. -: WEST PUBLISHING CO., 1968.
9. UNCITRAL.UNCITRAL Legislative Guide on Insolvency Law. New York : United Nations, 2013.
10. Ministry of Justice, Japan. “Bankruptcy Act.” Japanese Law Translation Database System. Accessed April 5, 2018. http://www.japaneselawtranslation.go.jp/law/list/.
11. The national archives. “Insolvency Act 1986.” Accessed June 5, 2019. https://www.legislation.gov.uk/ukpga/1986/45/section/240.
12. Dutch Civil Law (DCL). “Bankruptcy Act.” Accessed July 5, 2018. http://www.dutchcivillaw.com/bankruptcyact.htm