ปัญหาระยะเวลาในการดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
Main Article Content
บทคัดย่อ
ประเทศไทยประสบปัญหาสำคัญของประเทศปัญหาหนึ่งที่แก้ไขมาเป็นเวลา นานแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ คือปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งสาเหตุของปัญหาเกิดจากการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานของรัฐในการปฏิบัติหน้าที่ต่อมารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 เริ่มมีบทบัญญัติในการควบคุม ตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ จำกัดการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐและจัดตั้งองค์กรอิสระต่างๆขึ้นมาในประเทศไทย เพื่อตรวจสอบการ ใช้อำนาจรัฐที่กระทำต่อประชาชน เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นต้น โดยเฉพาะ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2542 รัฐออกพระราช บัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กฎหมายกำหนดให้มีหน้าที่ในไต่สวนความผิดการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำโดยทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม กฎหมายฉบับดังกล่าวบังคับใช้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมาตลอดแต่การดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2542 ดังกล่าวนั้นก็ประสบปัญหาคือ ปริมาณคดีที่มากจนเกินกำลังการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้จนเกิดปัญหาคดีขาดอายุความในขณะดำเนินคดี จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2561 มีการแก้ไขกฎหมายเดิมโดยออกเป็นพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 โดยกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้คณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังคงมีหน้าที่หลักคือ การดำเนินคดีเจ้าพนักงานของรัฐที่ถูกกล่าวหาคดีอาญาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม และบัญญัติให้กระบวนการในการดำเนินคดีแตกต่างไปจากที่บัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตั้งแต่การเริ่มต้นของคดี การตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน การเข้าถึงพยานหลักฐาน การสั่งคดีของเจ้าพนักงาน การดำเนินคดีดังกล่าวใช้การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในรูปแบบการไต่สวน กำหนดระยะเวลาในการดำเนินคดีในแต่ละขั้นตอนไว้ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ออกระเบียบให้การปฏิบัติตามกฎหมายนั้นในแต่ละขั้นตอนยังต้องกระทำภายในเวลาที่กำหนด แต่เมื่อศึกษากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและใช้ดำเนินคดีแล้วจะพบว่า การกำหนดระยะเวลานั้นยังมีข้อบกพร่องและการกำหนดระยะเวลาดังกล่าวเป็นเพียงระยะเวลาเร่งรัดเท่านั้นไม่มีผลต่อน้ำหนักการรับฟังพยานหลักฐานแต่อย่างใด และแม้หากดำเนินคดีเกินเลยกว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ก็ยังสมารถที่จะกระทำได้ตามกฎหมาย พยานหลักฐานนั้นก็ยังมีความชอบธรรมที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานทั้งในชั้นเจ้าพนักงานและชั้นการพิจารณาคดีได้
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่องกระบวนการชั้นเจ้าพนักงานในการดำเนินคดีเจ้าพนักงานของรัฐที่ถูกกล่าวหาคดีอาญาเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ในหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารกระบวนการยุติธรรม คณะนิติศาสตร์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ของผู้เขียน
Article Details
บทความหรือข้อความคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารบัณฑิตศึกษานิติศาสตร์เป็นวรรณกรรมของผู้เขียนโดยเฉพาะคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
เอกสารอ้างอิง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง.
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561.
ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561.