มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีกับการเสริมสร้างความสุขของชุมชน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะความสุขของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่บริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และ 2) ศึกษาแนวทางการเสริมสร้างความสุขของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่บริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน การวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถาม เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการ ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ในช่วงปี พ.ศ.2563-2566 จำนวน 395 คน ทำการสุ่มโดยใช้สูตรของ W.G. Cochran การวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้แบบสัมภาษณ์และการสนทนากลุ่ม เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 25 คน ทำการคัดเลือกแบบเจาะจงจากผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการภายใต้แผนงานพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและโรงเรียนตามบทบาทของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีและตามพระบรมราโชบาย (Flagship project) ในช่วงปี พ.ศ. 2565-2566 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา เขียนบรรยายเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาวะความสุขของชุมชนที่อยู่ในพื้นที่บริการของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานีในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยอยู่ในระดับมากที่สุด 4 ด้าน ได้แก่ Happy Soul (ทางสงบ) Happy Heart (น้ำใจงาม) Happy Society (สังคมดี) และ Happy Family (ครอบครัวดี) ตามลำดับ และอยู่ในระดับมาก 4 ด้าน ได้แก่ Happy Brain (หาความรู้) Happy Body (สุขภาพดี) Happy Relax (ผ่อนคลาย) และ Happy Money (ปลอดหนี้) ตามลำดับ 2) แนวทางการเสริมสร้างความสุขของชุมชน ควรมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสุขที่ยั่งยืนใน 6 องค์ประกอบ ได้แก่: 1) ครอบครัวอบอุ่นและชุมชนเข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมการศึกษา อาชีพ สุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ 2) สภาพแวดล้อมสมดุล ผ่านการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้มั่นคง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย 3) ชุมชนประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล ด้วยการสนับสนุนสิทธิเสรีภาพ ความสามัคคี และการแก้ปัญหาอย่างมีส่วนร่วม 4) การบริหารจัดการชุมชนที่ดี โดยส่งเสริมการรักษาประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการบริหารชุมชนอย่างมีเหตุผล 5) สุขภาวะที่ดี ผ่านการดูแลสุขภาพกาย ใจ ปลูกฝังคุณธรรม และ 6) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งและเป็นธรรม โดยการพัฒนาอาชีพ และการเสริมศักยภาพผู้นำชุมชน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วาณิชย์บัญชา. (2549). การวิเคราะห์สถิติขั้นสูงด้วย SPSS for Windows. กรุงเทพฯ: ธรรมสาร.
จุฑามาศ นามวงศ์. (2555). การวัดระดับความสุขของประชากรในชุมชนทิพย์เนตร อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่. (วิทยานิพนธ์เศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่).
นิตยา สุภาภรณ์. (2552). การรับรู้ของประชาชนต่อความอยู่ดีมีสุขในชุมชนบางไผ่. นนทบุรี: สำนักวิทย
บริการมหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
พนิดา นิลอรุณ, วรีญา คลังแสง และสุวิตา พฤกษอาภรณ์. (2564). “ศึกษาประเด็นแนวทางการเสริมสร้าง
ความรู้ความเข้าใจการพัฒนาทุนแห่งความสุขเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ของกลุ่มสมาชิกวิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดพัทลุง,” วารสารวิทยาลัย
นครราชสีมา.15,2 (พฤษภาคม–สิงหาคม 2564): 83-96.
พัฒนาชุมชน, กรม. (2564). การประเมินความ “อยู่เย็น เป็นสุข” หรือความสุขมวลรวมของ หมู่บ้าน
ชุมชน (Gross Village Happiness : GVH). สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2564. จาก
http://www3.cdd.go.th/phanomphrai/GVH.pdf.
ปาริชาติ วลัยเสถียร. (2564). กระบวนการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ของชุมชน. กรุงเทพฯ:
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. (2560). ยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (พ.ศ.
-2564). อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
สุรีย์พร ธรรมิกพงษ์ และคณะ. (2551). รูปแบบการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในจังหวัดเพชรบูรณ์ตาม
แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสังคมที่มีความสุขอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: สำนักคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ (วช.).