การวิเคราะห์อภิมานวิทยานิพนธ์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
คำสำคัญ:
การวิเคราะห์อภิมาน, การบริหารการศึกษา, คุณลักษณะงานวิจัยบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาคุณลักษณะงานวิจัยในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 2) วิเคราะห์งานวิจัยในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 3) สรุปและนำเสนอผลการวิเคราะห์งานวิจัยในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ วิทยานิพนธ์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2563 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ของนักศึกษาระดับปริญญาโทที่เข้ารับการศึกษาในปีการศึกษา 2563 ที่สำเร็จการศึกษาทั้งหมด ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2567 จำนวน 59 เล่ม โดยอาศัยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบบันทึกข้อมูลงานวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าร้อยละ
ผลวิจัยพบว่า 1. คุณลักษณะงานวิจัยเกี่ยวกับทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา จำแนกทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา พบว่า มีแนวคิดและทฤษฎีทางการบริหารการศึกษาที่ถูกนำมาใช้ในงานวิจัยทั้งสิ้น 13 ทฤษฎี จากการศึกษาวิทยานิพนธ์ทั้งหมด 59 เล่ม โดยทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา ที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด ลำดับที่ 1 คือ เรื่อง ภาวะผู้นำ จำนวน 18 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 30.51 มีการศึกษาภาวะผู้นำ จำนวน 13 รูปแบบ โดยมีการศึกษาภาวะผู้นำเชิงนวัตกรรม มากที่สุด จำนวน 3 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 23.08 และมีการศึกษาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ และภาวะผู้นำการเรียนรู้ จำนวนเรื่องละ 2 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 15.38 ต่อเรื่อง ลำดับที่ 2 คือ เรื่อง ทักษะทางการบริหาร จำนวน 16 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 27.12 และ ลำดับที่ 3 คือ เรื่อง การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา จำนวน 5 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 8.47
- ผลการศึกษาวัตถุประสงค์งานวิจัย พบว่า มีวัตถุประสงค์งานวิจัยที่นำมาศึกษาจากศึกษาวิทยานิพนธ์ทั้งหมด 59 เล่ม แบ่งได้จำนวน 9 กลุ่ม มีวัตถุประสงค์ จำนวน 185 ข้อ โดยมีวัตถุประสงค์งานวิจัยที่ถูกนำมาใช้มากที่สุด ลำดับที่ 1 คือ การศึกษาสภาพปัญหา จำนวน 49 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 26.34 ลำดับที่ 2 คือ การหาแนวทาง จำนวน 41 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 22.04 และ ลำดับที่ 3 คือ การประเมิน จำนวน 33 ข้อ คิดเป็นร้อยละ 17.74
- ผลการศึกษาพื้นที่การวิจัย พบว่า มีพื้นที่การวิจัยที่นำมาศึกษาจากศึกษาวิทยานิพนธ์ทั้งหมด 59 เล่ม จำนวน 21 พื้นที่ โดยมีพื้นที่การวิจัยที่นำมาศึกษามากที่สุด ลำดับที่ 1 คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี จำนวน 13 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 22.03 ลำดับที่ 2 คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคายและ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู จำนวนพื้นที่ละ 6 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 10.17 ต่อพื้นที่ ลำดับที่ 3 คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานีและ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาหนองคาย จำนวนพื้นที่ละ 5 เล่ม คิดเป็นร้อยละ 8.47 ต่อพื้นที่
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา โป๊ะประนม. (2551). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาชีววิทยา โดยวิธีวิเคราะห์อภิมาน. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา, คณะครุศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี,หน้า 38-40.
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. (2563). หลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑิต,สาขาวิชาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปรับปรุง พุทธศักราช 2563. คณะครุศาสตร์, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี, หน้า 3-10.
คัมภีรพจน์ สายเพ็ชร. (2552). การสังเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษทีเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างการใช้นวัตกรรมกับการสอนปกติโดยใช้วิธีวิเคราะห์อภิมาน. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา, คณะครุศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, หน้า 78-82.
ทัศวรรณ คำทองสุข. (2550). การสังเคราะห์งานวิจัยด้านการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ:การวิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยการศึกษา, คณะครุศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้า 74-79.
นงลักษณ์ วิรัชชัย และ สุวิมล ว่องวาณิช. (2541). การสังเคราะห์งานวิจัยทางการศึกษาด้วยการวิเคราะห์อภิมาน และการวิเคราะห์เนื้อหา. (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพฯ. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ,หน้า 22-24.
นัทธี เชียงชะนา. (2550). การสังเคราะห์งานวิจัยทางดนตรีศึกษา : การวิเคราะห์อภิมานและการวิเคราะห์เนื้อหา. ครุศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาวิจัยการศึกษา, คณะครุศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า 50-52.
Jain V, Sharma R, Singh S. Doing. (2012). meta-analysis in research: A systematic approach. Indian J Dermatol Venereol Leprol;78:242-250.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการแสงอีสาน Saeng-Isan Academic Journal ISSN:3027-6152(Print), ISSN:3027-6160(Online)

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เชียนบทความโดยตรง ซึ่งวารสารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ผู้เขียนทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์เผยแพร่นั้น จะต้องไม่เป็นบทความที่กำลังอยู่ในการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่นหรือเคยตีพิมพ์เผยแพร่มาแล้ว หากมีการใช้ภาพ ข้อความหรือตารางของผู้เขียนหรือผู้นิพนธ์ท่านอื่น ผู้เขียนจะต้องอ้างแหล่งที่มาหรือเจ้าของลิขสิทธ์
Publication Ethic:
The detail published in Saeng Isan Journal is opinion and responsibility of the authors, and it is not relevant with the jouranl. Besides, the authors must certify that the original manuscript is not in the process to publish in other journals or used to publish in other journals. If the authors use paragraphs, pictures or tables from others, the athours must refer to the original sources.
Article Consideration:
Each article will be published by a panel three journalists with expertise in relevant fields, and get the editorial approval before publishing. The review is in the form of The article's double blind.
To comply with copyright law. The author must sign the copy of the article submission form to the journal. In addition, the author must confirm that the original article submitted to the journal is only one publication in Saeng Isan Journal. If the images or tables of other authors appearing in other publications are used, the author must ask permission of the copyright owner before publishing.