ความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 2) ศึกษาปัจจัยจูงใจที่มีผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการตำรวจกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 130 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ย ดังนี้ ลำดับแรก คือ ด้านการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้านการฝึกอบรม และด้านการศึกษาต่อ 2) ลักษณะส่วนบุคคลมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองอย่างมีนัยสำคัญ โดยระดับการศึกษามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญที่ .01 อายุกับอัตราเงินเดือนมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญที่ .05 และ ปัจจัยจูงใจมีผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองของข้าราชการตำรวจ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ย ดังนี้ ความมั่นคงในการทำงาน ความสำเร็จของงาน ความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน และเงินเดือนและค่าตอบแทน ตามลำดับ และปัจจัยจูงใจในการพัฒนาตนเอง มีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองอย่างมีนัยสำคัญที่ .001 โดยความก้าวหน้าในตำแหน่งงานมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .001 เงินเดือนและค่าตอบแทน กับความสำเร็จของงงานมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลต่อความต้องการพัฒนาตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
Downloads
Article Details
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิชาการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่าหรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนาญาตจากวารสารวิชาการ ฯ ก่อนเท่านั้น