ประสิทธิภาพการระบายอากาศของบานเลื่อนขอบประตู (Air Post) ในอาคารชุดพักอาศัยแนวตั้ง
Main Article Content
บทคัดย่อ
อาคารชุดพักอาศัยแนวตั้งในเขตเมืองมักถูกออกแบบวางผังโดยไม่ได้เน้นทางด้านการระบายอากาศธรรมชาติ เนื่อง มาจากขนาดที่ดินที่จำกัด ขนาดห้องชุดที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่หน้าต่างน้อย ไม่มีชายคากันแดดกันฝน รวมทั้งการใช้วัสดุเปลือกอาคารที่ไม่สามารถป้องกันความร้อนได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความร้อนสะสมในช่วงเวลากลางวันจากแสงแดดภายนอกที่ทะลุผ่านกระจกหน้าต่างด้วยปรากฏการณ์เรือนกระจก (greenhouse effect) และสะสมความชื้นในห้องน้ำจากการอาบน้ำในเวลาเช้าแล้วต้องปิดห้องออกไปทำงานนอกบ้าน นอกจากนี้ผู้อยู่อาศัยก็ไม่ต้องการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ในระหว่างวันเพราะเกรงว่าถ้าฝนตก ฝนจะสาดเข้าห้องโดยไม่มีใครปิดหน้าต่างให้ การสะสมความร้อนและความชื้นตลอดเวลากลางวันได้ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องพักมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากจวบจนเวลาหัวค่ำซึ่งเป็นในเวลาที่ผู้อาศัยกลับมาถึงแล้วต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อทำความเย็นและลดความชื้นให้แก่โครงสร้างและพื้นที่อาคารโดยไม่จำเป็น ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีแนวคิดการออกแบบที่นำสภาพแวดล้อมโดยรอบของอาคารสูงมาปรับใช้ในพื้นที่ของอาคารให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยการนำหลักการถ่ายเทอากาศตามธรรมชาติมาใช้เพื่อสร้างสภาวะน่าสบาย ลดความชื้นในห้องน้ำ และเพิ่มคุณภาพอากาศภายในอาคาร ทีมงานผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจึงได้ออกแบบอุปกรณ์ที่ช่วยในการถ่ายเทอากาศจากบริเวณทางเดินส่วนกลางของอาคารไปยังในแต่ละยูนิต โดยเรียกชื่อว่า Air Post ซึ่งเป็นเหมือนกล่องเหล็กตู้ใส่จดหมายที่มีขนาดตามยาวตามประตูทางเข้าห้อง โดยมีช่องระแนงระบายอากาศเป็นบานเลื่อนเปิดปิด เพื่อการถ่ายเทอากาศจากบริเวณโถงทางเดินกลางไปสู่ภายในห้องพักแต่ละยูนิต ผู้อยู่อาศัยสามารถเลื่อนเปิดให้ระบายอากาศได้ทั้งในเวลาที่พักอยู่ในห้องในขณะที่ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ ในเวลานอน ในฤดูหนาว หรือแม้แต่ในเวลากลาง-วันที่ไม่มีคนอยู่ในห้องพัก เพื่อช่วยระบายความร้อน และความชื้นที่สะสมในห้องชุดในเวลากลางวัน ทั้งนี้เพื่อความแม่นยำและการพัฒนาโครงการต่อไปในอนาคต ทีมผู้ออกแบบจึงได้ทำการทดสอบอัตราการไหลเวียนของอากาศระหว่างภายในและภายนอกจากอุปกรณ์ Air Post โดยศึกษาค่าการแลกเปลี่ยนอากาศ (air change rate) ของห้องพักเมื่อ ติดตั้ง Air Post โดยใช้อุปกรณ์ Blower Door ทำการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM E779-03: Standard Test Method for Determining Air Leakage Rate by Fan Pressurization ผลการทดสอบพบว่าการติดตั้ง Air Post สามารถช่วยเพิ่มอัตราการระบายอากาศได้ 37% โดยสามารถเพิ่มอัตราการแลกเปลี่ยนอากาศ (Air Exchange Rate) จาก 1.73 ACH เป็นที่ 2.38 ACH ซึ่งมากเพียงพอที่จะนำ Air Post มาใช้ติดตั้งจริงในโครงการคอนโดมิเนียมต่อไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
คำรน สุทธิ. “ผลกระทบของการรั่วซึมของอากาศต่อผลการใช้พลังงานในระบบปรับอากาศของเรือนไทยและบ้านร่วมสมัย.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554.
ดนุสรณ์ บัวขจร. “การพัฒนาวิธีการประเมินค่าการถ่ายเทความร้อนรวมและการใช้พลังงานรวมของอาคารชุดพักอาศัยในกรุงเทพมหานคร.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2554.
ประวิตร กิติชาญธีระ. “ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของอุปกรณ์กันแดดแบบผนัง 2 ชั้น กรณีศึกษาอาคารพักอาศัยในกรุงเทพมหานคร.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553.
มณีนาถ ลินวัฒนา และอรรจน์ เศรษฐบุตร. “แนวทางการออกแบบช่องเปิดประเภทเกล็ดระบายอากาศ เพื่อลดการใช้พลังงาน สำหรับอาคารชุดพักอาศัยแบบผังทางเดินร่วม.” เอกสารประกอบการประชุมวิชาการเครือข่ายพลังงานแห่งประเทศไทยครั้งที่ 12 ณ โรงแรมวังจันทน์ ริเวอร์วิว จ.พิษณุโลก, 8 - 10 มิถุนายน 2559.
สริน พินิจ. “การระบายอากาศโดยธรรมชาติ แนวทางการออกแบบปรับปรุงผังอาคารชุดพักอาศัย: กรณีศึกษาโครงการบ้านเอื้ออาทร.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553.
อภิญญา บุญมา. “ผลกระทบจากการกำหนดค่าการใช้พลังงานรวมของอาคารตามกฎหมายที่มีต่อการออกแบบคอนโดมิเนียม.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2555.
อรรจน์ เศรษฐบุตร. “การพัฒนาเกณฑ์ขั้นต่ำของคุณสมบัติการป้องกันความร้อนของเปลือกอาคารในอาคารทาวน์เฮ้าส์.” JARS 5, 1 (2007): 29-51.
อรรจน์ เศรษฐบุตร และ ธนิต จินดาวณิค. “การพัฒนาเกณฑ์ขั้นต่ำของคุณสมบัติการป้องกันความร้อนของเปลือกอาคารในอาคารบ้านเดี่ยว.” เอกสารประกอบการประชุมเชิงวิชาการเครือข่ายพลังงานแห่งประเทศไทยครั้งที่ 3 โรงแรมใบหยกสกาย กรุงเทพฯ, 23-25 พฤษภาคม 2550.
ASTM. Standard Test Method for Determining Air Leakage Rate by Fan Pressurization; ASTM E779-03. West Conshohocken, PA.: American Society for Testing and Materials, 2003.
Kootin-Sanwu, V., Sreshthaputra, A., and Haberl, J. “Short-term Monitoring to Diagnose Comfort Problems in a Residence in Central Texas.” Proceeding of the Twelfth Symposium on Improving Building Systems in Hot and Humid Climates, College Station, Texas, Texas A&M University, May 15-17, 2000.
Sherman, M. “Estimation of Infiltration from Leakage and Climate Indicators.” Energy and Buildings 10, 1 (February 1987): 81–86.
Sreshthaputra, A., Haberl, J., and Andrews, M.J. “Improving Building Design and Operation of a Thai Buddhist Temple Using Transient Coupled DOE-2/CFD Simulations.” Energy and Buildings 36, 6 (June 2004) : 481-494.