สัมภาระทางวัฒนธรรมที่สะท้อนผ่านเรือนพื้นถิ่น: กรณีศึกษาเรือนลาวเวียง ชุมชนบางไส้ไก่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การตั้งถิ่นฐานและรูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการปรับตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ท่ามกลางบริบทสังคมเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ชุมชนบางไส้ไก่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีรากฐานจากการอพยพของชาวลาวเวียงจึงเป็นพื้นที่ศึกษาที่สามารถแสดงให้เห็นการสืบทอดและการปรับตัวของมรดกทางสถาปัตยกรรมได้อย่างชัดเจน
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของเรือนลาวเวียงในชุมชนบางไส้ไก่ โดยใช้ข้อมูลจากเรือนลาวในเวียงจันทน์และหลวงพระบางเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ การศึกษามุ่งสำรวจองค์ประกอบทางกายภาพ ได้แก่ โครงสร้าง วัสดุ สัดส่วน ทิศทาง และการจัดวางพื้นที่ตามคติความเชื่อ เพื่ออธิบายการดำรงอยู่ของ “สัมภาระทางวัฒนธรรม”(Cultural Baggage) และการสืบทอดอัตลักษณ์ภายใต้บริบทแวดล้อมในปัจจุบัน
แนวคิด “สัมภาระทางวัฒนธรรม” ถูกใช้เป็นกรอบหลักในการจำแนกปรากฏการณ์ออกเป็น 3 กระบวนการ ได้แก่ การสืบทอด (inheritance) การปรับเปลี่ยน (adaptation) และการเปลี่ยนแปลง (transformation) เพื่อตอบคำถามการวิจัยว่า รูปแบบเรือนลาวสามารถดำรงอยู่ภายใต้บริบทที่แตกต่างได้อย่างไร โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพในรูปแบบชาติพันธุ์วรรณนา (ethnographic research) ผ่านการศึกษาเอกสารและการสำรวจภาคสนาม ซึ่งประกอบด้วยการสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก และการรังวัดเรือนกรณีศึกษาจำนวน 4 หลัง ข้อมูลทั้งหมดถูกวิเคราะห์โดยการจัดตารางเปรียบเทียบองค์ประกอบสถาปัตยกรรม และจำแนกผลการวิเคราะห์ตามกรอบแนวคิดดังกล่าว
ผลการศึกษาพบว่า การสืบทอดปรากฏชัดในการให้ความสำคัญกับทิศหัวนอนและการจัดวางพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรมครูช่าง การปรับเปลี่ยน แสดงออกผ่านการผสมผสานองค์ประกอบสถาปัตยกรรม เช่น การใช้ฝาเรือนแบบภาคกลางร่วมกับโครงสร้างหลังคาแฝดและเซียตามแบบอย่างเรือนลาวเวียง ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดคือ การเลือนหายของภาษาลาวในการสื่อสารประจำวัน
โดยสรุป ลักษณะทางกายภาพของเรือนลาวเวียงในชุมชนบางไส้ไก่ เป็นภาพสะท้อนของกระบวนการปรับตัวทางวัฒนธรรมอันซับซ้อน แสดงให้เห็นถึงการธำรงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ผ่านการเลือกสืบทอด ปรับใช้ และละทิ้งองค์ประกอบทางวัฒนธรรม เพื่อให้สามารถดำรงวิถีชีวิตอย่างกลมกลืนในสังคมร่วมสมัยได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดถูกนำมาวิเคราะห์โดยการจัดทำตารางเปรียบเทียบองค์ประกอบสถาปัตยกรรมแล้วจำแนกผลลัพธ์ตามกรอบแนวคิด “สัมภาระทางวัฒนธรรม” เพื่อเชื่อมโยงกับการคงอยู่ และการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชุมชน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Charpentier, S., & Clement, P. (1990). L'habitation Lao dans les régions de Vientiane et de Louang Prabang. Peeters.
Dovey, K. (1985). Home and homelessness. In I. Altman & C. Werner (Eds.), Home environments (pp. 33–64). Plenum Press.
Khamsri, T. (2003). A study of the strength of musical culture: A case study of the Khlui community, Bang Sai Kai [การศึกษาความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมดนตรี : กรณีศึกษาขลุ่ยชุมชนบางไส้ไก่] [Unpublished master thesis]. Srinakharinwirot University.
Panin, O. (2016). Lao Ngaew houses at Ban Tan Sian, Saraburi [เรือนลาวแง้วที่บ้านตาลเซียน สระบุรี]. NAJUA: Architecture, Design and Built Environment, 30, 139–156.
Pinitworasin, W. (2012). Vernacular houses of Lao Vieng at Ban Leug [ลักษณะเรือนพื้นถิ่นลาวเวียงในประเทศไทย]. NAJUA: History of Architecture and Thai Architecture, 8, 218–235.
Pinitworasin, W. (2014). Adaptive wisdom in Lao Wiang houses in the central river basin area [ภูมิปัญญาการปรับตัวในบ้าน-เรือนลาวเวียง บริเวณลุ่มน้ำภาคกลาง]. NAJUA: Architecture, Design and Built Environment, 29, 107–124.
Piyaphan, B. (1998). The Lao in Rattanakosin [ลาวในกรุงรัตนโกสินทร์]. Thailand Research Fund (TRF).
Vallibhotama, S. (2003). The Isan civilization basin: Revealing ancient evidence, changing the face of Thai history [อารยธรรมอีสาน : เฉลยหลักฐานโบราณ พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ไทย] (4th ed.). Matichon.
Yenwaree, C., & Phumkanaow, P. (2018). The settlement of Lao Wiang people in Thailand. Journal of Architectural Academic, 21(2), 45-60.