THE DEVELOPMENT OF ENGLISH READING COMPREHENSION USING SEMANTIC MAPPING AND COOPERATIVE LEARNING FOR ELEVENTH GRADE STUDENTS

Main Article Content

Saranda Sinsa-nguan

Abstract

          The objectives of the research article were 1) to compare the English reading comprehension ability of students before and after learning with using semantic mapping and cooperative learning for eleventh grade students 2) to study the attitude towards English reading. The sample consisted of 34 students in eleventh grade students of Sattahipwittayakom School, Chonburi. The research instruments were 1) Plans with using semantic mapping and cooperative learning. 2) English reading comprehension pretest. 3)English reading comprehension posttest. 4) The attitude towards English reading. The statistics used were percentage, mean, standard deviation and t-test.


         The results of the research were the following findings: 1. The posttest scores of the students’ English reading comprehension ability who studied with using semantic mapping and cooperative learning was significantly higher than pretest scores at the .05 level of significance. 2. The attitude towards English reading after learning with using semantic mapping and cooperative learning were at high level.      

Article Details

How to Cite
Sinsa-nguan, S. (2022). THE DEVELOPMENT OF ENGLISH READING COMPREHENSION USING SEMANTIC MAPPING AND COOPERATIVE LEARNING FOR ELEVENTH GRADE STUDENTS. Academic Journal of Mahamakut Buddhist University Roi Et Campus, 11(1), 273–283. Retrieved from https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/246719
Section
Research Article

References

กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

นภดล สันธิศิริ. (2551). การศึกษาความเข้าใจและเจตคติในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 ด้วยการสอนโดยใช้แผนภูมิความหมาย. สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2561.จาก http://tdc.thailis.or.th

บัญชา ชินโณ. (2556). พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้รูปแบบแบ่งกลุ่มผลสัมฤทธิ์ (STAD) ร่วมกับกระบวนการสร้างตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ที่ส่งผลต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา. คณะคุรุศาสตร์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.

โรงเรียนสัตหีบวิทยาคม. (2559). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน(O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2559 ฉบับที่ 2-ค่าสถิติแยกตามมาตรฐานการเรียนรู้สำหรับโรงเรียน. กรุงเทพมหานคร : สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน).

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน). (2557-2559). ค่าสถิติพื้นฐานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2557-2559. สืบค้นเมื่อ 6 มีนาคม 2561. จาก http://www.niets.or.th

สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2554). แนวทางการพัฒนาและประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพมหานคร : โรงชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

Bond, G.L. and M.A. Tinker. (1979). Reading-Difficulties. New Jersey : Prentice.

Hall.Heimlich, J.E., & Pittelman, S.D. (1986). Semantic mapping : Classroom application. New York : Holt Rinehart and Winston.

Widdowson, H.G. (1979). Teaching language as communication. London : Oxford University Press.