รูปแบบการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมผญาพื้นบ้านที่มีต่อวิถีชีวิตของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Main Article Content

สุรพันธ์ สุวรรณศรี
เอี่ยม อามาตย์มุลตรี

บทคัดย่อ

          บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อรวบรวมประเภทและรูปแบบของผญาพื้นบ้าน 2)เพื่อศึกษาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมของผญาพื้นบ้าน 3)เพื่อนำเสนอรูปแบบการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมของผญาพื้นบ้าน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บรรพชิต จำนวน 276 รูป และฆราวาส จำนวน 468 คน โดยสุ่มอย่างง่ายและกำหนดขนาดโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน กลุ่มบรรพชิต เป็นพระเถระที่มีความรู้และมีประสบการณ์เกี่ยวกับผญาพื้นบ้าน สำหรับฆราวาสนั้น ได้เลือกเอากลุ่มผู้อาวุโสปราชญ์ชาวบ้าน กลุ่มนักเขียน กลุ่มสื่อมวลชนท้องถิ่น กลุ่มนักการเมืองหรือผู้นำท้องถิ่น กลุ่มนักวิชาการศึกษา กลุ่มหมอลำ ผู้ที่รู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อได้ข้อมูลจากการสังเกตและการสัมภาษณ์เชิงลึกมาแล้ว ได้นำข้อมูลทั้งหมดมาเลือกสรร จัดหมวดหมู่ ตีความ วิเคราะห์ เพื่อเสนอคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมผญาพื้นบ้านจากนั้นนำมาสังเคราะห์สรุปผลปัจจัยที่ส่งผลต่อการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาผญาพื้นบ้านและแนวทางการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาผญาพื้นบ้าน แล้วนำเสนอผลแบบพรรณนาวิเคราะห์ตามประเด็น


         ผลการวิจัยพบว่า 1. ประเภทของผญาพื้นบ้านแบ่งตามลักษณะโครงสร้างลักษณะของเนื้อหาและวิธีนำเสนอเนื้อหาประกอบด้วย 1)ผญาภาษิต 2)ผญาอวยพร และ 3)ผญาเกี้ยวส่วนรูปแบบของผญาแบ่งออกได้ 3 รูปแบบ คือ 1)ทางภาษา 2)รูปแบบทางด้านฉันทลักษณ์ และ 3)รูปแบบด้านเนื้อหา 2. คุณค่าของผญาพื้นบ้านที่มีต่อวิถีชีวิตของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 2 ด้าน คือ 1)ด้านการพัฒนาตน ได้แก่ ด้านความเชื่อ ด้านการศึกษา ด้านความกตัญญูและด้านอาชีพ และ 2)ด้านการพัฒนาสังคม ได้แก่ ด้านครอบครัว  ด้านเศรษฐกิจ  ด้านการเมืองการปกครอง 3. การอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมผญาพื้นบ้านประกอบด้วย 2 วิธีการ คือ 1)ปัจจัยที่ส่งผลต่อการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาผญาพื้นบ้านได้แก่ ครอบครัว กลอนลำ และวรรณกรรมพื้นบ้าน            2)แนวทางการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาผญาพื้นบ้าน ได้แก่ (1)สถานศึกษาควรจัดทำเป็นหลักสูตรให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนรู้เป็นการนำผญาพื้นบ้านเข้าสู่วิถีชีวิตที่แท้จริงควรดำเนินการพร้อมกันทั้ง 3 ระบบคือ ในระบบนอกระบบและตามอัธยาศัย (2)องค์กรของรัฐได้แก่ วัฒนธรรมอำเภอและสภาวัฒนธรรมจังหวัด สำนักพระพุทธศาสนา กรมศิลปากรสภาวัฒนธรรมของสถาบันการศึกษาหรือผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมต้องศึกษาค้นคว้าสำรวจข้อมูลจากใบลาน ระบบอินเตอร์เน็ตนำมาปริวัตรใหม่ให้ทันสมัยน่าสนใจ (3)ตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนเพื่อให้เยาวชนและผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ โดยจัดทำเป็นศูนย์ข้อมูลแหล่งเรียนรู้ที่ได้มาตรฐาน จัดกิจกรรมเกี่ยวกับผญาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จัดอบรมวิทยากรที่มีจิตอาสาจากคนทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง และสร้างสื่อการเรียนรู้ผญาพื้นบ้านให้หลากหลาย

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุวรรณศรี ส., & อามาตย์มุลตรี เ. (2020). รูปแบบการอนุรักษ์ส่งเสริมและพัฒนาคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมผญาพื้นบ้านที่มีต่อวิถีชีวิตของคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 10(2), 582–596. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/249867
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

จารุบุตร เรื่องสุวรรณ. (2520). คติชนชาวบ้าน. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

นิภาภรณ์ สิงคะกุล. (2537). ผญาเกี้ยวจากบ้านชูชาติ ตำบลอาจสามารถ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

ประคอง กองทุ่งมน. (2544). ผญาอวยพรของชาวบ้านสูงยาง ตำบลคูเมือง อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด. สารนิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

พรสวรรค์ สุวรรณศรี (2547). การวิเคราะห์คุณค่าการดำรงอยู่และการสืบทอดผญาอีสาน. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรดุษฎี สาขาวิชาพัฒนศึกษา. คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

เยาวลักษณ์ แสงจันทร์. (2560). ผญาภาษิต: ทุนทางสังคมและวัฒนธรรมสกลนคร. วารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 25(48). 79-100.

วิสุทธิ์ บุษยกุล. (2520). วิสุทธิ์นิพนธ์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.