การใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย รายวิชาสุขศึกษา เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียน การสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3)เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 4)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย การวิจัยนี้เป็นการวิจัย เชิงทดลองเบื้องต้น โดยใช้กลุ่มทดลองกลุ่มเดียว มีการทดสอบก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จำนวน 40 คน โดยการสุ่มแบบยกกลุ่ม ระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรม 11 สัปดาห์ เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ แบบประเมินพฤติกรรมสุขภาพ และแบบสอบถามความพึงพอใจสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละความก้าวหน้า และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 27.80 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.16 2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง พฤติกรรมสุขภาพ โดยใช้รูปแบบการเรียน การสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. การเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.76 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.44 อยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กชมล ธนะวงศ์. (2556). ผลของการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาเรื่องการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลโดยใช้ทฤษฎีการกำกับตนเองที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนประถมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา. กรุงเทพมหานคร : องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุ.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 (ฉบับที่ 3) และแก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2553. กรุงเทพมหานคร : บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด.
กระทรวงสาธารณสุข. (2562). รายงานประจำปี กรมอนามัย 25561. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
เกษตรชัย และหีม. (2557). คุณลักษณะด้านจิตพิสัยส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนจริงหรือ. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์). 20(2). 221-243.
จักรพงษ์ พร่องพรมราช. (2562). รายการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป รายวิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบคู่คิดคู่สร้าง(Think Pair Share) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และนันทนาการ. 45(2). 33-45.
จินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2557). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ตามแนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพนักเรียนที่อยู่ในวัยเรียนและระดับมัธยมศึกษาตอนต้น.สาขาวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา. คณะครุศาสตร์ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
แจ่มจันทร์ ประทีปมโนวงศ์. (2558). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายของผู้ป่วยสูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจที่มี ภาวะโภชนาการเกิน. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชัชวรรณ จูงกลาง และจินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2562). ผลการใช้กิจกรรมลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เรื่องเพศศึกษา โดยใช้แนวคิดการพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อค่านิยมทางเพศที่เหมาะสมกับสังคมไทย. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 47(3). 175-195.
ทิศนา แขมมณี. (2551). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธงชัย หวลถึง. (2563). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5E) รายวิชาสุขศึกษา เรื่อง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. สิกขาวารสารศึกษาศาสตร์. 7(2). 94-107.
นันทรีย์ เค้าโนนกอก และบัญชา เกียรติจรุงพันธ์. (2559). การพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามแนวคิดด้านจิตพิสัยของ BLOOM. วารสารศึกษาศาสตร์ ฉบับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 10(3). 47-52.
ปาริฉัตร ทองเนื้อแข็ง และจินตนา สรายุทธพิทักษ์. (2558). ผลของการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาตามแนวคิดพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อเจตคติด้านสุขภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 43(1). 48-62.
ปาริฉัตร ทองเนื้อแข็ง. (2556). ผลของการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดพัฒนาด้านจิตพิสัยที่มีต่อด้านสุขภาพและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560-2579. กรุงเทพมหานคร : พริกหวานกราฟฟิค.
Michael, Lettledyke. (2008). Science Education for Environmental Awareness: Approaches to Integrating Cognitive and Affective Domains. Environmention Education Research. 14(1). 1-17.