การบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียน ช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาระดับการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียน 2)เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียน และ 3)เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณโดยใช้วิธีการคัดเลือกตัวแปรแบบเป็นลำดับประกอบการอภิปรายผลและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระดับการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่นตัวแปรตาม โดยรวมทุกด้าน พบว่าระดับการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่นตัวแปรตามอยู่ในระดับปานกลาง 2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่น ด้านการประเมินผลโดยกลุ่มเพื่อน ด้านการฝึกโดยอิสระ มีค่าสัมประสิทธิ์ของตัวพยากรณ์ในคะแนนดิบ เท่ากับ .422 และ .273 ตามลำดับ 3. แนวทางการบริหารจัดการการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านการเขียนช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในจังหวัดขอนแก่น จำเป็นต้องมีการวางแผนในการจัดทีมร่วมกันเรียนรู้ร่วมกันในเรียนการสอน โดยที่มีสมาชิกมีความสามารถแตกต่างกันที่มีการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน ต้องมีการวางแผนในการจัดการเรียนการสอน กลุ่มอ่านจัดกลุ่มอ่านอย่างชัดเจน โดยมีการตั้งเป้าหมายในการเรียนการเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรักในการเรียนการสอน เป็นการกระตุ้นผู้เรียนและสอนให้ตื่นตัวส่งเสริมในการจัดการเรียนการสอนในการอ่านอย่างต่อเนื่องมีการสร้างความเข้าในความหมายของคำในการเรียนและการสอนให้กับนักเรียน สร้างความเข้าในความหมายของกลุ่มคำ กล่าวคือ ความรู้รอบตัวทั่วไป อธิบายความรู้เรื่องโครงสร้างบทอ่านกล่าวคือความรู้งานเขียนประเภทต่างๆ ในการสร้างความร่วมมือในการจัดกิจกรรมพื้นฐานให้นักเรียนสามารถนำผลการจัดกิจกรรมพื้นฐานถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้นำผลการจัดกิจกรรมพื้นฐานถ่ายทอดต่อครูผู้สอนได้ในการเรียนและการสอนอย่างชัดเจน
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2560). การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนจํากัด สามลดา.
ประนัดดา อรุณในเมือง. (2553). การเปรียบเทียบความสามารถในการรู้คําศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนตามรูปแบบการสอนโดยใช้สมองเป็นฐานกับรูปแบบการสอนโดยการเรียนแบบร่วมมือ (เทคนิค CIRC) และการสอนตามวิธีปกติ. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
พิชญาภา อินธิแสง. (2558). การพัฒนาความเข้าใจในการอ่านภาษาอังกฤษ ทักษะการคิดวิเคราะห์และความพึงพอใจต่อการเรียน โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ร่วมกับผังกราฟิกของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. สกลนคร : มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
มณีจันทร์ ยืนคง และศรุตยา สุขเดช. (2563). แนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 10(3). 70-78.
รัฐกูล เสนารา และคณะ. (2564). การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนต่อมาตรการควบคุมโรคโควิด -19 ในอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น. Journal of Roi Kaensarn Academi. 6(9). 239-251.
สุพรรณี ไกยเดช. (2558). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การอ่านเพื่อความเข้าใจและการทํางานเป็นทีม เรื่อง Love Our Environment ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มร่วมมือแบบ CIRC กับแบบ SQ4R. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน. คณะศึกษาศาสตร์ : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
Yamane, Taro. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rd ed. New York : Harper and Row Publication.