แอ่วลาวเวียง : การสร้างสรรค์นาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานร่วมสมัยจากวัฒนธรรมการฟ้อน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง ในจังหวัดนครราชสีมา

Main Article Content

กนกวรรณ แคว้นคอนฉิม
ปัทมาวดี ชาญสุวรรณ

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง แอ่วลาวเวียง : การสร้างสรรค์นาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานร่วมสมัย จากวัฒนธรรม การฟ้อน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาประวัติและวัฒนธรรมการฟ้อน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง ในจังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อสร้างสรรค์นาฏยศิลป์พื้นเมืองร่วมสมัย จากวัฒนธรรมการฟ้อน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง โดยศึกษาข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยและข้อมูลภาคสนาม โดยใช้วิธีสุ่มเลือกแบบไม่เจาะจง กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มผู้รู้ จำนวน 5 คน กลุ่มผู้ปฏิบัติ จำนวน 6 คน และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 20 คน โดยใช้วิธีสัมภาษณ์เชิงลึก เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสำรวจ แบบสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง แล้วนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีพรรณนาวิเคราะห์


ผลการศึกษาพบว่า วัฒนธรรมการฟ้อนกลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้านเอกสารและภาพจิตกรรมฝาหนังวัดหน้าพระธาตุ ซึ่งสื่อให้เห็นการปรับปรนทางวัฒนธรรมในแหล่งที่อยู่อาศัยมีความแตกต่างกันด้านชาติพันธุ์ เช่น ภาษา การแต่งกาย อาชีพ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ วัฒนธรรมการฟ้อนประเพณีฮีต 12 ปรากฏเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจนปัจจุบัน โดยใช้แนวคิดนาฏยประดิษฐ์ของ สุรพล วิรุฬห์รักษ์ มาเป็นกรอบในการออกแบบและสร้างสรรค์ผลงาน ร่วมกับแนวคิดทุนทางวัฒนธรรม และทฤษฎีเกี่ยวข้อง ได้แก่ ทฤษฎีผสมผสานทางวัฒนธรรม ทฤษฎีสร้างสรรค์ ทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ จนเกิดเป็นนาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานร่วมสมัยที่มีความสมบูรณ์แสดงถึงความเป็นตัวตนของชุมชนลาวเวียง สืบทอดวัฒนธรรมการฟ้อน และเป็นการสร้างมูลค่าทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ให้ดำรงอยู่เป็นมรดกของชุมชนต่อไป

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
แคว้นคอนฉิม ก., & ชาญสุวรรณ ป. (2024). แอ่วลาวเวียง : การสร้างสรรค์นาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานร่วมสมัยจากวัฒนธรรมการฟ้อน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวเวียง ในจังหวัดนครราชสีมา. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด, 13(1), 40–53. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/view/275003
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

เจ้าพระยา ทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี. (2547). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพมหานคร : กรมศิลปากร.

ชลาลัยวงศ์อารีย์. (2562). สัญวิทยาแห่งตัวละครหญิงในงานนาฏยศิลป์ร่วมสมัยของนราพงษ์ จรัสศรี. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ดิเรก ปัทมสิริวัฒน และคนอื่นๆ. (2547). การสำรวจสถานะองค์วามรู้และแนวทางการพัฒนา. พิษณุโลก : คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ธรากร จันทนะสาโร. (2557). นาฏยศิลป์จากแนวคิดไตรลักษณ์ในพระพุทธศาสนา. กรุงเทพมหานคร : คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

บุนทะนอง ซมไซผน. (2551). เอกสารประกอบการประชุมสัมมนา “งอยแคมของส่องเพลงลาว-ไทย” – เส้น คู่ขนาน : เพลง 3 ประเภท บน 2 ฝั่งโขง (กรณีลาว-ไทย) และเกณฑ์การตัดสินเพลงและดนตรีหรือ A Parallel : Three Types of Songs on the Two Branches of Mekong River (Laos-Thailand Case) and the Music and. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ปิ่นเกศ วัชรปาณี. (2559). การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์. อุดรธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี.

พีรพงศ์ เสนไสย. (2557). โครงงาน “หนึ่งคณะหนึ่งศิลปวัฒนธรรม” เรื่อง นาฏยประดิษฐ์อีสาน. มหาสารคาม : คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

พีระพันลูกท้าว. (2560). เอกสารประกอบการสอนวิชานาฏยศิลป์ร่วมสมัย (Contemporary Dance). มหาสารคาม : ภาควิชาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สุรพลวิรุฬห์รักษ์. (2547). หลักการแสดงนาฏยศิลป์ ปริทรรศน์. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์.

อรศิริ ปาณินท์. (2554). การปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง. กรุงเทพมหานคร : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

อารีย์ สุทธิพันธุ์. (2533). ประสบการณ์สุนทรียะ. กรุงเทพมหานคร : แสงศิลป์การพิมพ์.

Field Enterprises Education Corporation. (1971).Folk Dance.The World Book Encyclopedia. 7(12). 180.

Noisette Philippe. (2011). Talk about Contemporary Dance. Paris : Flammarion.