แผนธุรกิจเพื่อจัดตั้งธุรกิจนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยในจังหวัดเชียงใหม่
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำแผนธุรกิจนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ผลจากงานวิจัยเชิงสำรวจ (Exploratory) แสดงให้เห็นถึงนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมากกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เดินทางด้วยยานพาหนะส่วนตัว และรถนำเที่ยวนอกจากนี้ยังพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์ของจังหวัดเชียงใหม่มากที่สุด โดยยินดีจ่ายค่าใช้จ่ายในระดับ 10,001 บาทขึ้นไป และมีเวลพำนักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เฉลี่ย 3.13 วัน
แผนการตลาด ผู้ศึกษาได้กำหนดทิศทางและแนวทางการตลาด ประกอบด้วย 7 P’s ได้แก่โปรแกรมนำเที่ยวราคา ช่องทางการจำหน่าย การส่งเสริมการตลาด พนักงาน กระบวนการให้บริการ และสิ่งที่ช่วยให้เข้าถึงความมีคุณภาพ รวมทั้งกำหนดกลไกในการตรวจสอบและประเมินผลกิจกรรมการตลาดไว้ในแผน โดยใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้า (Customize) กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาจากกรุงเทพมหานคร และนักท่องเที่ยวชาวไทยจากจังหวัดในภาคเหนือเป็นกลุ่มเป้าหมายรอง แผนการบริการ เน้นการให้บริการโปรแกรมนำเที่ยวแบบแพ็คเกจเหมาจ่าย และนักท่องเที่ยวสามารถจัดโปรแกรมท่องเที่ยวได้เองโดยบริษัทนำเที่ยวให้ข้อมูล และมีพนักงานขายเป็นผู้ทำโปรแกรมและคิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า มีการตรวจสอบกระบวนการให้บริการทุกขั้นตอน
แผนองค์กรและการจัดการ บริษัทกำหนดให้มีพนักงาน 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ผู้จัดการ บุ๊คกิ้ง โอเปอเรชั่น ฝ่ายส่งเสริมการขาย และฝ่ายสนับสนุน ทั้งนี้แต่ละฝ่ายสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนกันได้ และมีการจ้างพนักงานชั่วคราวเสริมในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โดยมีการวางระบบการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ
แผนการเงิน กิจการนี้ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 403,500 บาท เป็นส่วนของเจ้าของ 223,500 บาท คิดเป็นร้อยละ 55.39 และเงินกู้ระยะสั้น 180,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 44.61 โครงการสามารถชำระคืนเงินกู้ได้ทั้งหมดเมื่อครบปีที่ 5 ระยะเวลาคืนทุน 7 เดือน อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) คิดเป็นร้อยละ 273 และมูลค่าปัจจุบันสุทธิ ณ อัตราร้อยละ 6.5 (Net Present Value) 4,714,026.79 บาท
Article Details
1. ทัศนะและข้อคิดเห็นใดๆ ในวารสารนวัตกรรมสังคมและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยกับทัศนะเหล่านั้นและไม่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ
2. ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละบทเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน กรณีมีการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนแต่เพียงฝ่ายเดียว
3. ลิขสิทธิ์บทความเป็นของผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นได้รับการสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การตีพิมพ์ซ้ำต้องได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้เขียนและมหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์นเป็นลายลักษณ์อักษร