รูปแบบการส่งเสริมความครอบคลุมของวัคซีนในเด็ก 0-5 ปี จังหวัดยะลา
คำสำคัญ:
การวิจัยแบบมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของชุมชน ความครอบคลุมของวัคซีน แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพบทคัดย่อ
ในปี 2561 จังหวัดยะลามีจำนวนเด็กอายุ 0-5 ปีที่เจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคหัดสูงที่สุดของประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากมีอัตราความครอบคลุมของวัคซีนโรคหัดต่ำในพื้นที่ การวิจัยแบบผสมผสานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพเรื่องโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนของผู้ปกครองเด็กอายุ 0-5 ปีที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ และ 2) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมความครอบคลุมของวัคซีนในเด็กอายุ 0-5 ปี กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยเชิงสำรวจเป็นผู้ปกครองเด็กอายุ 0-5 ปีที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์จำนวน 75 คน เก็บรวมรวมข้อมูลแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพเรื่องโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนโดยใช้แบบสอบถาม ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน มีค่าความตรงของเนื้อหากับวัตถุประสงค์เท่ากับ 1 มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.81 ส่วนผู้เข้าร่วมการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมได้แก่ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ครูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 87 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ร้อยละ และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์แก่นสาระ
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ปกครองของเด็กส่วนใหญ่มีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับพอใช้ซึ่งไม่เพียงพอต่อการชักนำให้ผู้ปกครองนำบุตรหลานเข้ารับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ส่วนรูปแบบการส่งเสริมความครอบคลุมของวัคซีนที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 1) การพัฒนาคุณภาพบริการ 2) การสื่อสารกับชุมชน และ 3) การมีส่วนร่วมของชุมชน ภายหลังดำเนินการเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความรู้และทักษะในการให้บริการและการสื่อสารเรื่องการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเพิ่มขึ้น แกนนำชุมชนรับทราบปัญหาและมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมความครอบคลุมของวัคซีน และผู้ปกครองนำบุตรหลานเข้ารับวัคซีนเพิ่มขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กรมประชาสัมพันธ์. (2561). ศอ.บต. จับมือ สสจ.ยะลา พลิกสถานการณ์พื้นที่ระบาดหนักของโรคหัด รณรงค์ประชารัฐร่วมใจ ขจัดภัยโรคหัด เป็นพื้นที่ต้นแบบเร่งรัดฉีดวัคซีน 100 เปอร์เซ็นต์. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2563 จาก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/WNSOC6111280010083
เกษมสันต์ วนวนากร. (2562). ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความครอบคุลมของการได้รับวัคซีนโรคหัดของประชากรกลุ่มเป้าหมายในอำเภอสุไหงโกลก. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. 9(2); 190–6.
ซุฮายลาห์ หะยีดาแม. (2561). การปฏิเสธวัคซีนของผู้ดูแลหลักเด็กมุสลิมในชุมชนแห่งหนึ่งของอำเภอเมืองยะลา. รายงานการวิจัยเพื่อสอบวุฒิบัตร แสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย
ประภาภรณ์ หลังปูเต๊ะ, ยามีละห์ ยะยือริ, นิซูไรดา นิมุ, ซารีนะฮ์ ระนี. (2563). หนึ่งทศวรรษงานวิจัย ด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคชายแดนใต้ : การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ. วารสารเภสัชกรรมไทย. ฉบับเดือนม.ค.-มี.ค. (12); 208–15.
มยุรี ยีปาโล๊ะ, วราภรณ์ ศิวดำรงพงศ์, และปรียนุช ชัยกองเกียรติ. (2557). แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพเกี่ยวกับการรับวัคซีนของผู้ปกครองเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนในจังหวัดยะลา. รายงานประชุมวิชาการ สหวิทยาวิทยาการ: ความหลากหลายทางวัฒนธรรมสู่ประชาคมอาเซียน. โรงแรมธรรมรินทร์ธนา จังหวัดตรัง. 17-18 กรกฎาคม 2557. 699-711.
รุสนา ดอแม็ง, ฐปนรรฆ์ ประทีปเกาะ. (2562) ปัจจัยที่มีผลต่อผู้ปกครองในการนำเด็กอายุ 0 - 5 ปี รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐานของจังหวัดปัตตานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 28(2). 224-235.
วรสิทธิ์ ศรศรีวิชัย, พิชญา นวลได้ศรี, ปาริฉัตร อุทัยพันธ์, และ ดวงใจ เปลี่ยนบำรุง. (2556). ปัจจัยของผู้ปกครองในการนำเด็กเข้ารับวัคซีนพื้นฐานในงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้. รายงานวิจัย. หน่วยระบาดวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
สุปรีชา แก้วสวัสดิ์, สาโรจน์ เพชรมณี และนัทพงศ์ จันทมาศ. (2556). การมีส่วนร่วมในการพัฒนาแนวทางการป้องกันโรคชิคุนกุนยา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 22 (6); 956-962.
สุวิช ธรรมปาโล บุญแสง บุญอำนวยกิจ และสวรรยา จันทูตานนท์ (2563). การสำรวจความชุกและปัจจัยเสี่ยงของภาวะขาดวิตมินเอในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ พศ. 2562. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 29(3). 400-408.
อมีน สะอีดี. (2562). ปรากฏการณ์วิทยาของการปฏิเสธการรับวัคซีนในเด็ก ของประชาชนในอำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี. รายงานวิจัยเพื่อสอบวุฒิบัตร แสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย
Rosenstock, I.M. (1973). Historical origins of the Health Belief Model. Health Education Monographs. 2(4); 328-335.
Maiman L. A. & Becker M. H. (1974). The Health belief Model: Origins and correlates in Psychology Theory. Health Education Monographs. 2(4); 336-353.