ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และภาวะการกลัวการตกกระแสของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพิษณุโลก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก 2) เพื่อศึกษาภาวะการกลัวการตกกระแส (FOMO) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์การใช้สังคมออนไลน์กับภาวะการกลัวการตกกระแส (FOMO) ของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก การวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปในจังหวัดพิษณุโลก โดยเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 375 คน ผู้วิจัยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าไคสแควร์และสัมประสิทธิ์สหพันธ์แบบเพียร์สันในการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ ผลการวิจัยพบว่านักศึกษามีการใช้สื่อสังคมออนไลน์อยู่ในระดับปานกลาง ( x ̅ = 4.29) มีภาวะการกลัวการตกกระแส (FOMO) อยู่ในระดับปานกลาง ( x ̅ = 4.16) นอกจากนี้การใช้สังคมออนไลน์มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับภาวะการกลัวการตกกระแส (FOMO) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (r =.750) ข้อเสนอแนะคือควรมีการส่งเสริมการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างถูกวิธีและเหมาะสม
Article Details
1) เนื้อหาทั้งหมดของบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ เจ้าของผลงานมีการคิด ค้นคว้า ทบทวนวิเคราะห์ สรุป เรียบเรียงและอ้างอิงข้อมูลโดยผู้แต่งเอง กองบรรณาธิการไม่มีส่วนร่วมรับผิดชอบ
2) บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารนี้ ต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น หากตรวจพบว่า มีการตีพิมพ์ซ้ำซ้อน ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียวในการละเมิดลิขสิทธิ์
3) ผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของวารสารห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากทางกองบรรณาธิการวารสารฯ