วาทกรรมความเป็นหญิงในหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น : การศึกษาตามแนววาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์

The Relationship between Language and Ideology in Femininity Discourse in Junior High School’s Literature Appreciation Textbooks

ผู้แต่ง

  • ธีรธร รังสีปัญญา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • ศานิตย์ ศรีคุณ Faculty of Education, Khon Kaen University

คำสำคัญ:

วาทกรรม, วาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์, ความเป็นหญิง

บทคัดย่อ

            การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอุดมการณ์ความเป็นหญิงที่ปรากฏในวรรณคดีไทยในหนังสือ วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และเพื่อศึกษาการใช้ภาษาที่สื่อถึงอุดมการณ์ความเป็นหญิงในวรรณคดีไทยในหนังสือวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  โดยวิเคราะห์ด้วยกรอบแนวคิดวาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ของ Fairclough (1995) ผลการศึกษาพบว่า การสื่ออุดมการณ์ของตัวบทวาทกรรมความเป็นหญิงในหนังสือเรียนวรรณคดี      วิจักษ์ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปรากฏอุดมการณ์ความเป็นหญิงที่เด่นชัดทั้งสิ้น 6 อุดมการณ์ คือ 1) อุดมการณ์เกี่ยวกับความงาม 2) อุดมการณ์เกี่ยวกับบทบาทของภรรยา 3) อุดมการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงในฐานะวัตถุทางเพศ 4) อุดมการณ์เกี่ยวกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน 5) อุดมการณ์เกี่ยวกับชนชั้นคู่ครอง และ 6) อุดมการณ์เกี่ยวกับกิริยามารยาท ซึ่งอุดมการณ์ดังกล่าวสื่อผ่านกลวิธีต่าง ๆ ได้แก่ 1) กลวิธีทางศัพท์ ประกอบด้วย การใช้ชื่อและการเรียกชื่อ การอ้างถึง และการใช้คำกริยา 2) กลวิธีการขยายความ 3) กลวิธีทางวัจนปฏิบัติศาตร์และวาทกรรม ประกอบด้วย การใช้มูลบท การใช้วัจนกรรม และการใช้อุปลักษณ์ ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของกลวิธีทางภาษาในระดับต่าง ๆ ไปสู่ผู้รับสาร

            ในแง่ของการประกอบสร้างวาทกรรมความเป็นหญิงนั้นสรุปได้ว่า วาทกรรมความเป็นหญิงในหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นผลมาจากกรอบจารีต ประเพณี และวัฒนธรรมไทยซึ่งประกอบสร้างมาจากแนวคิดปิตาธิปไตยอันมีแนวคิดว่าผู้ชายมีอำนาจเหนือผู้หญิง ผู้หญิงจึงถูกควบคุมความเป็นหญิงจากความคาดหวังของสังคมที่กำหนดลักษณะของผู้หญิงที่ดีในมุมที่สังคมต้องการที่จะให้เป็น และวาทกรรมเหล่านี้ถูกแฝงฝังอยู่ในหนังสือเรียน แม้ในปัจจุบันก็มีชุดความจริงใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา แต่ชุดวาทกรรมหรืออุดมการณ์ที่แฝงฝังและถ่ายทอดผ่านหนังสือเรียนนั้นกลับยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากนัก เพราะในแง่ของการขัดเกลาและควบคุมเยาวชนผ่านระบบการศึกษานั้นจำเป็นที่จะต้องมีชุดวาทกรรมหลักหรืออุดมการณ์ที่เป็นไปตามโครงสร้างสังคมไทยซึ่งจำเป็นต้องรักษาไว้เพื่อความเป็นปึกแผ่นของสังคม ซึ่งหากนักเรียนในฐานะเยาวชนของชาติไม่มีมุมมองที่รู้เท่าทันชุดวาทกรรมเหล่านี้ที่ถูกผลิตซ้ำจนเป็น  มายาคติก็จะถูกหล่อหลอมและกลายเป็นหนึ่งในกลไกของการผลิตซ้ำอุดมการณ์แบบสังคมชายเป็นใหญ่ต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559ก). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559ข). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2564). หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย วรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.

จันทิมา อังคพณิชกิจ. (2561). Discourse Analysis การวิเคราะห์ข้อความ. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์. (2546). ผู้หญิงกับความรู้ในจักรวาลของผู้ชาย : ความหมาย การมองเห็นโลก และระบอบอำนาจ ความจริง, ผู้หญิงกับความรู้ 1 (ภาค 2). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

นันทิรา ขำภิบาล. (2530). นโยบายเกี่ยวกับผู้หญิงไทยในสมัยสร้างชาติของจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2481 - 2487. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2534). ชาติไทยและเมืองไทยในแบบเรียนประถมศึกษา. ศิลปวัฒนธรรม, 12(10), 142 – 164.

ปราญชลี อินถา (2558). การวิเคราะห์ภาพของความเป็นผู้หญิงในภาพยนตร์ไทยยุคปัจจุบัน. เชียงใหม่ :

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ภพ สวัสดี. (2558). กลวิธีการใช้ภาษาเพื่อสื่ออดุมการณ์ความเป็นผู้หญิงในโฆษณาสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย, 35(3) : 149-174.

ยศ สันตสมบัติ. (2548). การทำความเข้าใจเพศสถานะและเพศวิถีในสังคมไทย, เพศสถานะและเพศวิถีในสังคมไทย (หน้า 1 – 39). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

วันทนีย์ วาสิกะสิน และ สุนีย์ เหมะประสิทธิ์. (2541). สังคมไทยคาดหวังอย่างไรกับผู้หญิง. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

วิลาสินี พิพิธกุล และ กิตติ กันภัย. (2546). เพศและการสื่อสารในสังคมไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย.

วิสันต์ สุขวิสุทธิ์. (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับอุดมการณ์ในหนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทยตามหลักสูตร ประถมศึกษา พ.ศ. 2503-2554 : การศึกษาตามแนววาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์. วิทยานิพนธ์ปริญญา อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อภิวันทน์ อดุลยพิเชฏฐ์. (2544). สถานภาพและบทบาทของผู้หญิงและผู้ชายไทยในอดีต: ภาพสะท้อนจาก วรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชามนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยศิลปากร.

อรทัย เพียยุระ. (2563). เพศสภาวะและเพศวิถีในเสภาเร่ืองขุนช้างขุนแผน. วารสารสังคมศาสตร์และ มานุษยวิทยาเชิงพุทธ, 5(3), 20-33.

Fairclough, N. (1995). Critical discourse analysis : the critical study of language. London: Longman.

Pilcher. J. & Whelehan, I. (2004). 50 key concepts in gender studies. London : SAGE publication.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-03-26

รูปแบบการอ้างอิง

รังสีปัญญา ธ. ., & ศรีคุณ ศ. . (2024). วาทกรรมความเป็นหญิงในหนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น : การศึกษาตามแนววาทกรรมวิเคราะห์เชิงวิพากษ์: The Relationship between Language and Ideology in Femininity Discourse in Junior High School’s Literature Appreciation Textbooks. วารสารมนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์, 41(1), 50–95. สืบค้น จาก https://so01.tci-thaijo.org/index.php/HUSO/article/view/268578

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย