ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประชาชนเขตเทศบาลในจังหวัดพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษพื้นที่ ภาคตะวันออก
คำสำคัญ:
การตัดสินใจเลือกตั้ง,นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด,พื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออกบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1). เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้ง 2). เพื่อเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกตั้งโดยจำแนกตามข้อมูลส่วนบุคคลและ3). เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาการตัดสินใจเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประชาชนเขตเทศบาลในจังหวัดพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้คือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง จำนวน 90,865 คน คํานวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของ ทาโร่ ยามาเน่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ได้ 1,188 คนโดยแยกเป็น เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา จำนวน 397 คน เทศบาลเมืองชลบุรี จำนวน 394 คน และเทศบาลนครระยองจำนวน 397 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามจำนวน 3 ตอนวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปด้วยการหาค่า จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบสมมติฐานด้วย ค่า(t-test) และ One-Way ANOVA ผลการศึกษาพบว่า
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพบว่าในภาพรวมมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก (= 3.66, S.D.=0.75) ข้อที่มีระดับความคิดเห็นมากที่สุดเรียงตามลำดับ ได้แก่ ปัจจัยด้านสื่อบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ (= 3.89, S.D.=0.72) ปัจจัยด้านพรรคการเมืองที่สังกัด (= 3.66, S.D.=0.71) ปัจจัยด้านคุณสมบัติของผู้สมัคร (= 3.60, S.D.=0.75) ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด คือปัจจัยด้านนโยบายของผู้สมัคร (= 3.57, S.D.=0.85) ผลการศึกษาเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกตั้งพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่มีเพศแตกต่างกันการตัดสินใจเลือกตั้งไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ยกเว้นด้านปัจจัยด้านพรรคการเมืองที่สังกัด อายุแตกต่างกันมีการตัดสินใจเลือกตั้งไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ยกเว้น ปัจจัยด้านนโยบายของผู้สมัคร ระดับการศึกษาแตกต่างกันมีการตัดสินใจเลือกตั้งไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ยกเว้นปัจจัยด้านสื่อบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ส่วนอาชีพและรายได้ต่อเดือนที่แตกต่างกันมีการตัดสินใจเลือกตั้งไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 แนวทางการพัฒนาการตัดสินใจเลือกตั้งพบว่าพิจารณาจาก การเป็นผู้มีบุคลิกภาพดี เป็นผู้มีการศึกษาดี เป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงาน ได้เข้าร่วมจัดเวทีปราศรัยตามจุดสำคัญต่าง ๆ เลือกจากการมีนโยบายที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ นโยบายมุ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เลือกจากสังกัดพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ และสังกัดพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล