รูปแบบการจัดการสู่ความเป็นเลิศของโรงพยาบาลคริสเตียน สังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทย

Abstract

ดุษฎีนิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษารูปแบบการจัดการที่ทำให้โรงพยาบาลคริสเตียน ในสังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทยสามารถก้าวไปสู่ความเป็นเลิศในส่วนของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล (2) เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลของรูปแบบการจัดการที่ส่งผลต่อโรงพยาบาล คริสเตียนก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิด้วยวิธีคำนวณหา IOC และทดสอบความน่าเชื่อถือด้วยการหาค่าสหสัมพันธ์ด้วยวิธีของครอนบัช (Cronbach) โดยเก็บ ข้อมูลจากบุคลากรของโรงพยาบาลคริสเตียนประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จำนวน 400 คน โดยใช้สถิติการวิเคราะห์เส้นทาง (Path Analysis) และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน

ผลการวิจัยพบว่า บรรยากาศภายในองค์การส่งอิทธิพลทางตรงเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ต่อการจัดการบริการ (=0.90) การจัดการความรู้ (=0.98) การจัดการนวัตกรรม (=0.93) และการจัดการ โรงพยาบาลคริสเตียนสูค่ วามเปน็ เลิศ (=0.69) อยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และ 0.05 ตามลำดับ ในขณะที่การจัดการนวัตกรรมส่งผลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติต่อการจัดการโรงพยาบาลคริสเตียน สู่ความเป็นเลิศ (=0.46) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ข้อค้นพบใหม่จากการวิจัย คือ บรรยากาศ ภายในองค์การถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อความเป็นเลิศของโรงพยาบาลคริสเตียน เพราะว่า ปัจจัยนี้มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมเหนือกว่าทุกปัจจัยในการสร้างความเป็นเลิศ ดังนั้น บรรยากาศภายในองคก์ ารจึงเปน็ ปจั จัยหลักที่ผูบ้ ริหารของโรงพยาบาลต้องให้ความสนใจในการกำหนดเป็น นโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในโรงพยาบาลคริสเตียนสังกัดสภาคริสตจักรในประเทศไทย

Management Format for Excellence of Christian Hospitals The Church of Christ in Thailand

The objectives of this dissertation are 1) to study the management format enabling Christian hospitals to become excellence on the part of medical doctors, nurses, and the staff of the hospitals 2) to analyze the influence of the management format on the excellence of the Christian hospitals. This research is quantitative in nature. The research instrument are questionnaires; that were tested validity of the content by means of IOC and the reliability of the instrument was tested by using Cronbach’s alpha. The needed data were collected from 400 staff members including medical doctors, nurses, and the staff of the hospitals. The collected data were analyzed using path analysis and confirmatory factor analysis.

The data analysis found that the organizational atmosphere have positive direct influence with statistical significance on the service management (=0.90), on the knowledge management (=0.98), on innovation (=0.93), and on Christian hospitals management for excellence (=0.69), with statistical significance at the 0.01 and the 0.05 levels respectively. Meanwhile, innovation factors have significance influence on the Christian hospital management for excellence (=0.06), with statistical significant at the 0.01 levels. As to the new finding, the organizational atmosphere is the most important factor on the excellence of Christian hospitals because this factor has both direct and indirect influence above all factors in erecting the excellence. For this reason, organizational atmosphere is the major factor that the hospital executives must pay attention for policy formulation implementation in Christian hospitals the Church of Christ in Thailand. Service management,