การบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ

Main Article Content

นิติ นาชิต

บทคัดย่อ

            การบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ มีวิธีดำเนินการวิจัย 5 ระยะ ได้แก่ ศึกษาแนวทางการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ, พัฒนามาตรฐานคุณภาพ กลไกลการขับเคลื่อนและคู่มือ, ทดลองใช้, ประเมิน, และ เสนอแนวนโยบาย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย คือ แบบบันทึก แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบประเมิน และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูล โดยคำนวณหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา  ผลการวิจัยพบว่า 1) แนวทางการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ ประกอบด้วย 4 ด้าน (IPOO) และ องค์ประกอบกลไกการขับเคลื่อน 7 องค์ประกอบ 2) ผลการสร้างมาตรฐานคุณภาพ กลไกการขับเคลื่อน และคู่มือการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจ และบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ พบว่า  ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด 3) ผลการทดลองใช้มาตรฐานคุณภาพและกลไกการขับเคลื่อนด้วยคู่มือการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 4) ผลการประเมินคู่มือการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ พบว่า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 5) ผลการเสนอแนวนโยบายการบริหารอาชีวศึกษาด้านธุรกิจและบริการสู่มาตรฐานคุณภาพ และการนำไปใช้สู่การปฏิบัติ ประกอบด้วย 3 ระดับ คือ ระดับสถาบันการอาชีวศึกษาและสถานศึกษา ระดับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และระดับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งผลการประเมินในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดทุกระดับ

Article Details

How to Cite
บท
บทความวิจัย

References

กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์. (2549). เทคโนโลยีการศึกษาวิชาชีพ . กรุงเทพฯ: สินทวีการพิมพ์.

คัมภีร์ สุดแท้. (2553). การพัฒนารูปแบบงานวิชาการสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

ณรงค์ อภัยใจ. (2560). รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา เพื่อส่งเสริมอาชีพสำหรับเด็กด้อยโอกาสโรงเรียนในโครงการตามพระราชดำริ. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่.

วณิชย์ อ่วมศรี. (2556). ปัจจัยความสำเร็จในการพัฒนาสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.

วิมล เดชะ. (2559). การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สตูล. สารนิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.

วิเศษ ชาวระนอง.การบริหารสถานศึกษาโดยวิธีการเชิงระบบ. สืบค้น จาก https://www.khamsoipit.ac.th

วัฒนา ฉิมประเสริฐ. (2554). การพัฒนาคู่มือครูในการจัดกิจกรรมส่งเสริมระเบียบวินัยของนักเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย. (2560). Thailand Competitiveness Conference 2017. สืบค้น จาก http://thailandcompetitiveness.org/topic_detail.php?lang=Th&ps=70

สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.(2547). มาตรฐานอาชีพ สาขาอัญมณีและเครื่องประดับ.

กรุงเทพฯ: สํานักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ.

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2560). วิสัยทัศน์และยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาอาชีวศึกษา. กรุงเทพฯ: สำนักนโยบายและแผน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.(2562). หลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติการจัดการอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง: การจัดการอาชีวศึกษา. กรุงเทพมหานคร: วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี.

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2564). (ร่าง) คู่มือการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา. สืบค้นจาก https://www.vec.go.th/Portals/9/Dowload/your64/Manage/28-6-64/manual.pdf

สุรัสวดี จินดาเนตร. (2553). การพัฒนาคู่มือการสอนโครงงานคณิตศาสตร์ส หรับครูในช่วงชั้นที่ 4 โรงเรียนดาราวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่. การค้นคว้าแบบอิสระศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

แสงรุนีย์ มีพร. (2552). การวิจัยและพัฒนาคู่มือการจัดการความรู้ เพื่อการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

Osterwalder, A., Pigneur, Y., & Clark, T. (2010). Business model generation: a handbook or visionaries, game changers, and challengers. N.J.: Wiley.

Prihardini Mufti, Rizal Syarif and Setiadi Djohar. (2017). Real estate business development strategy in approach to business model canvas case study at PT mekar agung sejahtera. International journal of science and research, 12(6), 564- 569.