การศึกษาการรับรู้ความสามารถของตนเองก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ของนิสิตสาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

Main Article Content

ธนภร อินต๊ะสิน
ภัฐธีร์ตา วัฒนประดิษฐ์
ปวลี เสมอวงษ์
วรวรรณ ศรีสุทธินันทน์
พันทิวา ฐานคร

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ของนิสิตสาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนิสิตสาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นิสิตชั้นปีที่ 4 (หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี) ที่กำลังศึกษาในหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต  สาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 28 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม จำนวน 3 ตอน ประกอบด้วย 1) สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม 2) แบบสอบถามการรับรู้ความสามารถของตนเอง ทั้งหมด 3 ด้าน จำนวน 30 ข้อ  ได้แก่ ด้านความรู้ จำนวน 10 ข้อ  ด้านความพร้อม จำนวน 10 ข้อ  และด้านทักษะการสอน จำนวน 10 ข้อ และ 3) ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนิสิตสาขาการศึกษาปฐมวัย เป็นคำถามปลายเปิด จำนวน 1 ข้อ  การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์โดยสรุปประเด็น ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้


1. ผลการวิเคราะห์ระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองสำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา พบว่านิสิตชั้นปีที่ 4 มีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองในภาพรวม อยู่ในระดับสูง (gif.latex?\mu = 3.60, gif.latex?\sigma =  0.85) มีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองในด้านความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับสูง (gif.latex?\mu = 3.52, gif.latex?\sigma = 0.87) มีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองในด้านความพร้อม โดยรวมอยู่ในระดับสูง (gif.latex?\mu=3.71, gif.latex?\sigma= 0.89) มีระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองในด้านทักษะการสอน โดยรวมอยู่ในระดับสูง (gif.latex?\mu = 3.58, gif.latex?\sigma = 0.79)


2. ผลการศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ก่อนออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูของนิสิตสาขาการศึกษาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา พบว่า นิสิตได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ คือนิสิตมีความกังวลใจเรื่องการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ความคาดหวังผู้ปกครองของนักเรียนและแรงกดดันที่จะอาจพบเจอในโรงเรียน ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมและวิธีการสอน การจัดการชั้นเรียน การทำแผนการสอนให้สอดคล้องกับผู้เรียน การทำสื่อการสอน การวัดและประเมินผลนักเรียน การวางตัวให้เหมาะสม การปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ภายในโรงเรียน และการปรับตัวเข้ากับครูและนักเรียน ส่วนข้อเสนอแนะต่าง ๆ พบว่า นิสิตต้องการคำชี้แนะเพิ่มเติมจากอาจารย์ในสาขาการศึกษาปฐมวัยเพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องวิธีรับมือกับนักเรียนและผู้ปกครอง วิธีการรับมือเมื่อเกิดสถานการณ์เฉพาะหน้าต่าง ๆ ในโรงเรียน วิธีการสร้างสรรค์ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและเทคนิคการสอนต่าง ๆ วิธีการจัดการชั้นเรียน เทคนิคการพูดคุยกับเด็กปฐมวัย วิธีการสร้างความเชื่อมั่นในตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกฝึกสอนประสบการณ์วิชาชีพครู การทำแผนการสอนให้สอดคล้องกับผู้เรียน การทำสื่อการสอน การวัดและประเมินผลนักเรียน บุคลิกภาพที่เหมาะสมในสถานศึกษา การวางตนขณะปฏิบัติการสอนและการปฏิบัติตัวต่อหน้านักเรียน วิธีการปรับตัวให้เข้ากับครูและนักเรียนรวมถึงการปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ

Article Details

How to Cite
บท
บทความวิจัย

References

ธนา นิลชัยโกวิทย์ และคณะ. (2550). รายงานโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาชุดการเรียนรู้การอบรมและกระบวนการด้านจิตตปัญญาศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล.

ประกาศคุรุสภา เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพ. (2557, 14 มีนาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 130 ตอนพิเศษ 156 ง. หน้า 16-19.

ปิยนันท์ สวัสดิ์ศฤงฆาร. (2560). การสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง. สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2565 จาก https://drpiyanan.com/2017/06/25/article1-2/

วิชัย วงษ์ใหญ่ และ มารุต พัฒผล. (2562). การพัฒนาผู้เรียนไปสู่ Great zone. กรุงเทพฯ: ศูนย์ผู้นำนวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้.

สุริยเดว ทรีปาตี. ออนไลน์. ‘หมอสุริยเดว’ ชี้ทำร้ายเด็ก คือพฤติกรรมเลียบแบบ. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2565. จาก https://www.nationtv.tv/main/content/378799447

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2563). แนวทางการพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: กลุ่มมาตรฐานการศึกษา สำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.

อภิญญา อิงอาจ และชลธร อริยปิติพันธ์. (2553). การรับรู้ความสามารถของตนด้านการเรียน และความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรคของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย กรุงเทพ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 9(1), 30-43.

Bandura, A. (1997). Self- efficacy: The exercise of control. New York : W.H. Freeman and company.

Browder DM, Shapiro E.S. (1985). Applications of self-management to individuals with severe handicaps: A review. Journal of the Association for Persons with Severe Handicaps,

(4), 200–208.

Evans, D. R. (1997). Health promotion, wellness programs, quality of life and the marketing of psychology. Canadian Psychology / Psychologie Canadienne, 38(1), 1–12.

Badalamenti, J. (2016). The 4 essential elements of passion-based learning. Retrieved from https://www.eschoolnews.com/2016/05/02/the-4-essential-elements-of-passion-based-learning/

Kanfer, F.H., & Gaelick-Bays, L. (1991). Self management method. In F.H. Kanfer, & A. Goldstein (Eds.). Helping people change: A textbook of methods (305-360). New York: Pergamon Press.

Luthan, F. & Youssef, C.M. (2007). Emerging positive organizational behavior. Journal of Management, 33(5), 321-349.

Professional Learning Board. (n.d.). Passion-based learning. Retrieved from https://k12teacherstaffdevelopment.com/tlb/