แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีประสิทธิภาพ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพการณ์ภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพ2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำ กับการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพ และประสิทธิภาพ3) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีประสิทธิภาพกลุ่มตัวอย่าง คือผู้บริหารสโมสร ผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ นักกีฬา รวม 341 คน จากสโมสรฟุตบอลอาชีพทั่วประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญ ในการเสนอแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีประสิทธิภาพ จำนวน 12 คน แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีประสิทธิภาพ ตัวแปรหลักอยู่ในระดับมาก เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายข้อตามลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย อันดับแรกคือภาวะผู้นำ ( =4.21) รองลงมาคือการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพ ( =4.16) และประสิทธิภาพ ( =4.15) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่าทุกตัวแปรมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ .01 และมีอิทธิพลในการพยากรณ์ร่วมกันต่อประสิทธิภาพร้อยละ 79.7 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญยังมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับผลวิจัยเชิงปริมาณ กล่าวคือแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำในการบริหารสโมสรฟุตบอลอาชีพที่มีประสิทธิภาพนั้นประกอบด้วยการพัฒนาด้านความเจริญก้าวหน้าและพัฒนา ด้านแฟนบอล ด้านการคำนึงถึงปัจเจกบุคคลด้านการกระตุ้นปัญญา ด้านกีฬาด้านอิทธิพลเชิงอุดมการณ์ และด้านการเงิน