การสร้างแนวคิดและการกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก

Main Article Content

ณรงค์ฤทธิ์ เชาว์กรรม
จินตนา สายทองคำ
ศุภชัย จันทร์สุวรรณ

บทคัดย่อ

บทความฉบับนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อวิเคราะห์การสร้างแนวคิดการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก 2) เพื่อวิเคราะห์การกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก โดยศึกษาข้อมูลพื้นฐานจากเอกสารวิชาการ สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนศึกษาและชมวีดิทัศน์การแสดงละครเพลงรพีพร ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2496-2538 นำข้อมูลทั้งหมดมารวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์สู่การสร้างแนวคิดและการกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลง เรื่องโทนรัก


               ผลการศึกษาพบว่า 1) การสร้างแนวคิดละครเพลงเรื่องโทนรัก จากการศึกษาละครเพลงของรพีพร มุ่งเน้นการนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตและความรักของหนุ่มสาวที่มีฐานะที่แตกต่างกัน สอดแทรกแนวคิดการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทนเพื่อให้ผู้ชมได้รับสุนทรียะศิลป์ทางการแสดง และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบฉาก โดยสามารถนำสถานที่ต่าง ๆ ที่ระบุในการแสดงละคร สู่การสร้างความเสมือนจริงผสมผสานในการแสดง สร้างความตระหนักรู้ในการเห็นคุณค่าของตนเองแก่ผู้ชมทุกช่วงวัย


     2) การกำหนดรูปแบบการแสดงละครเพลงเรื่องโทนรัก มีรูปแบบการแสดงหลักคือ “ร้อง เล่น เต้น ระบำ” โดยคำว่า ร้อง หมายถึง การดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงสลับการพูดเจรจา เล่น หมายถึง การดำเนินเรื่องแบบอย่างละคร เต้น หมายถึง การรำ/เต้นเดี่ยว รำ/เต้นคู่ โดยใช้ท่าทางแบบนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วมสมัย ระบำ หมายถึง การใช้ท่าทางนาฏศิลป์ไทยและนาฏศิลป์ร่วสมสมัย โดยผู้แสดง 2 คนขึ้นไป หรือเป็นหมู่คณะ อาจทำท่าทางเดียวกันพร้อมเพรียงกัน หรือแตกต่างกันตามทำนองเพลง การแสดงแบ่งออกเป็น 3 ฉาก คือ


      ฉากที่ 1 โทนทุ่ง สื่อถึง ภูมิหลังของตัวละครที่มีความผูกพันกับศิลปะการแสดงพื้นบ้านรำโทน


      ฉากที่ 2 โทนกรุง สื่อถึง การเดินทางเข้าสู่เมืองกรุงเพื่อความรักในอาชีพ


      ฉากที่ 3 โทนรัก สื่อถึง การตัดสินใจเพื่อสิ่งที่รัก

Downloads

Download data is not yet available.

Article Details

บท
บทความวิจัย

References

กัลยรัตน์ หล่อมณีนพรัตน์. (2535). การศึกษาเชิงวิเคราะห์บทละครร้องของพรานบูรพ์. (วิทยานิพนธ์

ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

จริยา ปันทวังกูร และกิติศักดิ์ ดียา. (2563). การจัดการความรู้ในสถาบันอุดมศึกษา. วารสารวิชาการ

และวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 10(3), (กันยายน–ธันวาคม 2563). 291.

ธันวิน ณ นคร. (2565). การสร้างสื่อวีดิทัศน์. สืบค้นเมื่อ 26 กรกฎาคม 2565,

จาก https://www.deebuk.ac.th/krutop/p8-1.html

นพมาส แววหงษ์. (2550). ปริทัศน์ศิลปะการละคร. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่ง

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

มาลิณี จุโฑปะมา. (2553). การเห็นคุณค่าในตนเองนั้นสำคัญไฉน? และจะสร้างอย่างไร?. วารสารวิชาการ

มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 2(2), (กรกฎาคม-ธันวาคม). 13.

สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2563). โครงการศึกษาวิจัยประเด็น

นโยบายเชิงลึกด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนและสังคมไทยภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงทาง

วัฒนธรรมและการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่หลังวิกฤตเศรษฐกิจ. สืบค้นเมื่อ 4 กรกฎาคม 2565,

จาก http://social.nesdb.go.th/

อัจฉราวรรณ ภู่สิริวิโรจน์. (2543). พัฒนาการละครเพลงของรพีพร. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร).

อมรา กล่ำเจริญ. (2553). เพลงและการละเล่นพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.

เอกพงษ์ ตรีตรง. (2562). แนวคิด 4DNA. สืบค้นเมื่อ 4 กรกฎาคม 2565, จาก

https://today.line.me/th/v2/article/Q79Mr0

Schumacher, T and Kurtti, J (2008). How Does the Show Go On. New York: Disney Edi-tions